วิญญาณเฮี้ยนปีนปล่องเมรุ
เรื่องเล่าปู่มี วิญญาณเฮี้ยนปีนปล่องเมรุ
สวัสดีครับนี่เป็นกระทู้แรกของผม (แต่ผมยืมไอดีพันทิปมาจากเพื่อน) ผมอยากมาถ่ายทอดประสบการณ์ ”จริง” ที่เคยสัมผัสมาด้วยตัวเอง จากญาติพี่น้อง และคนรู้จัก เป็นเรื่องเกี่ยวกับบุคคลๆหนึ่งชื่อว่า “ปู่มี” เรื่องเกี่ยวกับปู่มีบางเรื่องออกจะแปลกๆถึงกับไม่น่าเชื่ออยู่บ้าง เพราะแกเป็นสัปเหร่อนั่นเอง อยากจะให้ทุกท่านรับฟังด้วยวิจารณญาณ หากท่านคิดว่าเรื่องที่เล่ามาไม่น่าเชื่อถือก็ขอให้รับฟังเอาเฉพาะความบันเทิงก็เพียงพอ และเรื่องของปู่มีที่ว่านี้มีอยู่มาก แต่จะนำมาเล่าเท่าที่จำได้และสมควรเล่าเพื่อไม่ให้กระทบกับบุคคลและสถานที่ที่เกี่ยวข้อง เรื่องอาจไม่ติดต่อกันเพราะผมพยายามนำเรื่องที่จำได้มาเล่าให้ฟังก่อนครับ
เหตุผลที่นำเรื่องของปู่มีมาเล่า ก็เพราะผมทราบว่าแกเสียชีวิตไปแล้วเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา และแกก็เป็นผู้มีบุญคุณกับผมอยู่พอสมควร และสถานที่ที่จะเล่านี้เป็นวัดแห่งหนึ่งอยู่ใน จ.นครราชสีมา (ขออนุญาตไม่เปิดเผยข้อมูล) ย้อนไปเมื่อ15ปีที่แล้ว ผมอายุประมาณ 10 กว่าปี แต่ก็พอจะจำความอะไรๆได้บ้างแล้ว ผมอาศัยอยู่กับยายที่โคราช เพราะพ่อและแม่นำมาฝากไว้ทั้งสองท่านเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ยายเป็นคนชอบเข้าวัดทำบุญ ตัวผมเองเวลาว่างหรือวันหยุดไม่ได้เรียนหนังสือผมก็มักจะตามยายเข้าไปช่วยงานหรือเล่นวัดอยู่บ่อยๆ สำหรับปู่มีเจ้าของเรื่องนี้ แกเป็นสัปเหร่ออยู่ที่วัดมานานมาก และในวัดนั้นมีพระอยู่รูปหนึ่งชื่อหลวงตาสีท่านเป็นพระพี่ชายของปู่มีและเป็นพระลูกวัดอยู่ที่นั่น แต่พระ เณร คนวัด เด็กวัด จนถึงเจ้าอาวาสต่างก็เคารพหลวงตาสีและปู่มีทุกคนเพราะทั้งสองท่านอยู่ที่วัดมานาน
เรื่องแปลกแรกที่น่าสงสัยก็คือ ผมเคยถามยายว่า หลวงตาสีทำไมถึงเป็นพี่ชายของปู่มี เพราะหลวงตาศีรษะท่านยังไม่หงอก แต่คิ้วขาว ท่าทางยังหนุ่ม ต่างจากปู่มี ผมสั้นขาวโพลน คิ้วหงอก หลังค่อมนิดๆ อายุน่าจะประมาณ 70 ปีได้ ยังแข็งแรง สักเต็มตัวแต่มองไม่ออกว่าสักอะไรมองไกลๆเหมือนเป็นปานมากกว่า เพราะหนังแกเหี่ยวย่น ทั้งหลวงตาและปู่มีเคี้ยวหมากฟันดำปี๋ ยายตอบผมว่า “กูก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าหลวงตาเป็นพี่ชายปู่มี กูก็เรียกปู่มีๆ คนอื่นๆก็เรียกแบบนี้ ตอนกูเป็นเด็กหลวงตากับปู่มีก็อยู่มาก่อนแล้ว หน้าตาแกสองคนก็แบบนี้แหละ” ด้วยความเป็นเด็กถามแล้วก็ลืมไป แต่พอมาคิดตอนนี้ก็น่าแปลกอยู่ เนื่องจากว่าตอนที่ยายผมพูดแกอายุ 60 กว่าแล้ว ถ้าบวกอายุยายทบเข้าไป หลวงตาสีกับปู่มีก็น่าจะอายุเกิน 100 ปีเป็นอย่างต่ำ พ่อใหญ่แม่ใหญ่(คนแก่)บางคนก็ยกมือไหว้หลวงตากับปู่มีด้วยซ้ำไป ทั้งๆที่คนแกพวกนั้นดูแก่กว่าทั้งสองคนมาก ไหว้หลวงตาไม่แปลกแต่ไหว้ปู่มีทำให้ผมสงสัยและเป็นอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งผมต้องเอามาถามยาย ยายอาจโกหกผมก็ได้แต่ก็ไม่น่าใช่เพราะแกเข้าวัดอยู่ประจำ ทุกวันพระก็นุ่งห่มขาวตลอด
อีกเรื่องคือ มีอยู่วันหนึ่งเป็นวันหยุด ผมตามยายเข้าไปเล่นในวัดเหมือนเคย ที่วัดมีงาน ผู้ใหญ่ต่างก็มาช่วยกันเยอะที่ศาลาหอฉัน ส่วนผมไปเล่นหลังวัดกับเพื่อนที่เป็นเด็กวัดชื่อไอ้โทน วันนั้นเล่นปีนต้นไม้กัน แถวๆนั้นมีกองไม้ของวัดอยู่มากเช่นท่อนซุงต่างๆ ปู่มีก็พาคนหนุ่มๆมาช่วยกันขนไม้กองนั้นไปที่หนองน้ำของวัด เพื่อจะทำต่อแพกับทำศาลาท่าน้ำ ผมกับไอ่โทนปีนอยู่บนต้นตะขบอยู่ จนประมาณเกือบเที่ยงคนหนุ่มๆที่มาช่วยก็กลับไปศาลาหอฉันเพื่อกินข้าว แต่ยังเหลือไม้ที่จะขนอยู่มาก ผมเห็นปู่มีแกรอจนคนไปหมด แกมองซ้ายมองขวาไม่เห็นคนอยู่แต่แกก็คงไม่เห็นผมกับไอ้โทนที่อยู่บนต้นไม้ จากนั้นแกก็จัดการแบกท่อนซุงขนาดเสาศาลาสองเสาใส่บ่าซ้ายขวาไปท่าน้ำแบบสบายๆ ทำเอาผมตกใจมากเพราะเสาที่ว่าผมเห็นคนหนุ่มๆช่วยกันแบกถึงสี่ห้าคนต่อหนึ่งเสา แกแบกอยู่สองเที่ยวรวมสี่เสาด้วยกันก็หยุดพัก ทั้งๆที่สภาพปกติของแกไม่น่าจะยกไม้ยูคาซักท่อนสองท่อนขึ้นได้ด้วยซ้ำไป แต่ไอ้โทนมันเฉยๆไม่ได้ตกใจอะไร ผมคิดว่ามันคงเห็นปู่มีทำแบบนี้มาบ้างแล้วละมั้ง นี่เป็นเรื่องแปลกในฐานะคนแก่ของปู่มี เรื่องแปลกในฐานะสัปเหร่อของแกยังมีอยู่ แต่ตอนนี้ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ ไว้ผมจะมาเล่าต่อตอนว่างๆครับ
ขอขอบคุณ สมาชิกพันทิป