เกาะหลอน ประสบการณ์สยองใน ณ ห้องพัก…
“เกาะหลอน”
เรื่องนี้เป็นเรื่องของสมาชิกพันทิป ซึ่งเป็นประสบการณ์จริงของผมที่ไม่อาจลืมได้จริง ๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่เจอเรื่องราวชวนขนหัวลุก
และคิดว่าเป็นต้นเหตุให้ผมเห็นอะไรวับ ๆ แว็บ ๆ หลังจากนั้นมาเรื่อย ๆ
ตอนนี้ผมอายุย่างเข้าเลข 3 แล้ว เหตุการณ์ในครั้งนั้นต้องย้อนกลับไปตอนผมอยู่ ม.ปลาย แล้วต้องขออภัยที่อาจจะจำไม่ได้จริง ๆ ว่าเพื่อนไปกันกี่คน กันแน่ เพราะผมจำได้แม่น ๆ เฉพาะเพื่อนที่เจอเหมือนกันแล้วกลับมาคุยกันเท่านั้น
ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมครับ พวกผมกับเพื่อน ๆ ประมาณสิบคน ก็วางแผนกันไว้ว่า จะไปกางเต้นท์นอนริมทะเลกันที่ไหนสักที่ ซึ่งจริง ๆแล้ว มันทำไม่ได้หรอกครับ แต่ด้วยความที่เป็นวัยรุ่น ยังไม่รู้เรื่องราวอะไรเยอะ พวกเราก็นัดกันไปที่ ๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นเกาะ เกาะหนึ่งในประเทศไทย พวกเราคุยกันว่าจะนอนค้าง 1 คืนครับ แล้วก็กลับกัน เพราะตอนนั้น ยังหาเงินกันไม่ได้ มีเงินกันไม่มากเท่าไหร่ จะใช้สุรุ่ยสุร่ายก็สงสารพ่อแม่ พวกเราเลยไปแบบ แพคกระเป๋าไปกัน
หลังจากนัดวันเวลากันเรียบร้อย ก็ออกเดินทางครับ โดยการเดินทางต้องไปขึ้นเรือที่ท่าเรือ เพื่อข้ามไปยังเกาะที่พวกเราได้คุยกันไว้ การเดินทางก็ราบรื่นไปด้วยดีครับ ผมและเพื่อน ๆ มาซื้อตั๋วทันขึ้นเรือข้ามเกาะเที่ยวสุดท้ายพอดีครับ ซึ่งเป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ พวกเราก็ถ่ายรูปกันเรื่อยเปื่อย สักพักเรือก็มาครับ หลังจากพวกเราขึ้นเรือข้ามฟากกันแล้ว ก็ใช้เวลาเดินทางนานพอสมควร จนถึงเกาะก็เป็นเวลาเย็น ๆ ซึ่งแสงพระอาทิตย์ยังคงส่องสว่างอยู่ หลังจากพวกเราเดินขึ้นเรือไป ก็ยังยืนคุยปรึกษากันอยู่ที่ท่า จะเอายังไงกันดี เพราะเราเพิ่งมาครั้งแรก ยังไม่รู้ว่าจะไปกางเต้นท์ที่ไหนกันดี ก็เลยเดินเล่นแถวท่า
หลังจากถามนู้นนี่นั่นพวกป้า ๆแถวนั้น พวกเราก็ได้ทราบว่าหาดพวกนี้เป็นหาดส่วนตัวทั้งหมด กางเต้นท์นอนกันไม่ได้ พวกเราจึงต้องหาห้องพักกันครับ ตอนนั้นแสงสว่างจากพระอาทิตย์เริ่มจะหมดแล้ว กว่าจะตกลงกันได้ว่าจะพักที่ไหนกันดี ไปๆมาๆพวกเราก็ได้ที่พักที่นึง ซึ่งอยู่หาดด้านหลังของเกาะ ต้องข้ามเขาในเกาะไปลูกนึงจึงจะถึงที่พัก ราคาที่พักที่นี่ถูกที่สุดแล้วเท่าที่จะหาได้ ทางไปที่พักจะขี่รถเลาะหาดซึ่งมีผู้คนสัญจรพอสมควร แล้วพวกเราก็แยกขึ้นเข้าเพื่อข้ามไปยังที่พักซึ่งตั้งอยู่ที่หาดด้านหลัง ตอนนั้นประมาณทุ่มกว่า แต่เส้นทางนั้นไม่มีรถวิ่งแล้วครับ ถนนจะเป็นทางอิฐตัวหนอนกว้างประมาณรถ 2 คันสวนกันได้ ข้างซ้ายเป็นป่าเห็นชายหาดอยู่ลาง ๆ ด้านขวาเป็นป่ามองไปเห็นตีนเขาครับ ตอนนั้นยังเห็นรำไร ๆ อยู่ โดยมีแสงไฟจากมอเตอร์ไซค์ที่พวกเราเช่ามาครับ ระยะทางจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่ก็ไกลพอประมาณ 2-3 กิโลได้ พอถึงที่พักก็มีลุงกับป้าที่เฝ้าอยู่พามาดูห้องครับ ลักษณะห้องก็เป็นห้องทั่ว ๆ ไปมีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย ห้องน้ำอยู่ด้านใน แต่สิ่งที่แปลกคือ เท่าที่จำได้ ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอม ใกล้ ๆ สงกรานต์ เป็นช่วงไฮซีซัน แต่รีสอร์ทนี้เงียบมากครับ ไม่มีรถแม้แต่คันเดียวทั้ง ๆ วันที่พวกผมมาเที่ยวก็เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ลักษณะที่พักเป็นคล้าย ๆ บังกาโลแฝด มีสองหลังติดกัน มีระยะห่างระหว่างบังกาโลประมาณรถ 1 คันจอดได้พอดี แต่ละหลังจะหันหน้าลงทะเล ประมาณว่า เปิดประตูมา ก็เห็นหาดเลยครับ ไม่มีถนนมากั้น สรุปพวกเราเช่ากัน 3 ห้อง พวกเราแบ่งกันออกเป็นสองห้องครับ เพื่อนกับแฟนที่มาด้วยกันคู่นึงก็แยกไปนอนบังกาโลข้าง ๆ ที่เป็นห้องแฝดเหมือนกัน พวกเราก็จัดแจงเก็บของกันไป ตอนนั้นเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่าเห็นจะได้ครับ
หลังจากเก็บของเสร็จแล้ว ผมกับเพื่อนอีกสองคนก็มาเตรียมอุปกรณ์ทำกินกัน มีเตาแก๊สปิ๊กนิก มีหม้อ มีด เขียง จานชามครบ ก็กินดื่มสังสรรค์กันไปเรื่อย หลังจากกินกันจนอิ่มแล้ว เพื่อน ๆ ก็ตั้งวงนับเลขกันครับ ผมเองไม่ถูกกับแอลกอฮอล์ เลยปลีกตัวออกมานั่งเล่นครับ ตอนนั้นผมจำไม่ได้แล้วว่ากี่โมงแต่ก็ดึกแล้ว พอดีกับแฟนผมที่โทรมาพอดี ก็เลยเดินแยกออกไปนั่งเล่นคนเดียวครับ เพื่อนคนนึงที่มันไม่กลัวผี ก็พูดโพล่ง ขึ้นมาว่า อย่าไปไกลนะมึงเดี๋ยวโดนผีหลอกเอา หลังจากมันพูดจบเพื่อน ๆ ก็ขำไปด่ามันไปประมาณว่าดึกแล้วพูดอะไรแบบนี้ ผมก็เออออไม่ได้สนใจอะไนมากนัก เดินห่างจากบังกาโลมาไม่เกิน 20 ก้าว ก็เป็นเหมือนสวนเล็ก ๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นต้นปาล์มหรือต้นมะพร้าวต้นเล็ก ๆ ปลูกห่างกันเว้นกันเป็นระยะ แล้วก็มีเก้าอี้ตัวนึงตั้งอยู่ ผมก็เลยไปนั่งเล่นครับ เสียงเพื่อนผมที่ยังเจี้ยวจ๊าวอยู่ข้างหลังก็ได้ยินแผ่ว ๆ ผมก็คุยกับแฟนไปเรื่อย ๆ คุยนานเท่าไหร่ผมก็จำไม่ได้ แต่นานพอสมควร หลังจากนั้น ก็มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น ผมคุยโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ แบ้วอยู่ๆหางตาผมก็ไปเห็นอะไรบางอย่าง ผมเห็นหน้าลุงคนนึง ค่อย ๆ โผล่หัวมาจากต้นไม้ ท่าทางเหมือนโผล่มาแอบดูจากขอบกำแพง ผมก็ไม่ได้สนใจมากนัก หลังจากเสี้ยววินาทีนั้นที่ผมคิดขึ้นได้ ผมก็หันไปดูที่ต้นไม้อีกทีคราวนี้ลุงแกไม่อยู่แล้ว ผมแปลกใจมากว่าต้นไม้ก็เล็กๆ ขนาดประมาณต้นขาคนเราทั่ว ๆ ไป ซึ่งถ้ายืนอยู่หลังต้นไม้ ยังไงก็บังไม่มิด ด้วยความที่แปลกใจปนกับความงง เลยเดินไปดูที่ต้นไม้ แต่เป็นต้นอื่นที่อยู่ตรงกันข้าม ผมลองไปยืนเอาตัวเทียบดู มันก็บังตัวผมไม่มิดนะ ผมจึงเกฺิดความสงสัยทันทีมองกลับไปยังต้นไม้ต้นเดิม แล้วจู่ๆใบหน้าของลุงคนนั้นก็โผล่มาอีกครับ แต่หลังจากที่ลุงแกโผล่ออกมา ทำให้เรา2คนได้จ้องมองกัน เหมือนลุงแกจะตกใจ รีบผลุบกลับเข้าต้นไม้ไปครับ เท่านั้นแหละ ผมจ้ำอ้าวไปหาเพื่อน ๆ ที่นับเลขกันอยู่ทันที จนพวกมันพากันตกใจหมด ผมไม่ได้เล่าอะไรให้เพื่อน ๆ ฟังแต่เพื่อน ๆ ก็พอจะรู้ในปฏิกิริยาที่ผมเป็น เพื่อนคนนึงก็เลยอาสาไปซื้อน้ำแข็งครับ เพราะหน้าหาดมีเซเว่นอยู่ มันจะได้พาผมไปโกรกลมเย็น ๆ เปลี่ยนบรรยากาสจะได้หายฟุ้งซ่าน ซึ่งเพื่อนคนนี้ชื่อซี ผมให้ไอ้ซีเป็นคนขับ ผมนั่งซ้อน และก็มีเพื่อนอีกคู่นึงที่เป็นแฟนกันขอไปด้วย เพื่อนคนนี้ชื่อเอฟ แฟนมันชื่อบี เราไปกัน 2 คันครับ ผมกับ ไอ้ซีก็ขึ้นคร่อมรถรอแล้ว ส่วนไอ้เอฟมันก็รอแฟนไปหยิบกระเป๋าสตางค์ครับ พอแฟนมันมาไอ้เอฟมันก็ออกรถทันที แฟนของไอ้เอฟรีบพูดขึ้นมาเลยว่า “เห้ย ระวัง! จะชนลุงเค้าแล้วไม่เห็นหรอ” ไอ้เอฟก็หันมาถามเลยว่า ลุงไหน ก็เห็นมีแต่หมานอนอยู่ เท่านั้นแหละบีเลยบอกให้ไอ้เอฟ รีบ ๆ ออกรถ เลย แล้วหันหลังมาหลับตาปี๋ เอฟเหมือนจะรู้ว่ามีอะไรไม่ดี เลยรีบออกรถทันที พอพวกเราไปถึงเซเว่น ผมกับบีก็คุยกันในสิ่งที่บีเห็น บีบอกว่าเห็นลุง ยืนอยู่ข้าง ๆ หมาที่นอนอยู่หน้ารถนั่นแหละ ลุงคนนั้นใบหน้าเหี่ยว ๆ ย่น ๆ เหมือนคนมีอายุมากแล้ว แต่เพื่อนผมเห็นเป็นคนสภาพดีเต็มตัว เลยไม่ได้คิดว่าเป็นอย่างอื่น ผมเลยคุยกันว่าจะไม่บอกเพื่อน ๆคนอื่นๆ รอให้กลับกรุงเทพกันก่อนค่อยเล่าให้ฟังทีหลัง หลังจากพวกเรากลับถึงที่พัก เพื่อน ๆ บางคนก็เข้าไปอาบน้ำแล้ว ไอเเอฟกับบีก็เลยขอตัวแยกไปห้องตัวเอง เพื่อนหลายคนก็ยังนั่งนับเลขกันอยู่ ตอนนั้นผมเริ่มสติแตกกับหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่กล้าอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรให้เพื่อน ๆ ฟัง เพราะกลัวว่าเพื่อนจะกลัวกัน สักพัก ไอ้เอฟก็เดินออกมาจากห้อง มานั่งเล่นพูดคุยกับเพื่อนตามปรกติ ไม่นานนักบีก็เปิดประตูออกมาจากห้อง ชะโงกมา พวกเราก็เห็นว่าบีนุ่งผ้าขนหนูอยู่เหมือนเตรียมตัวจะอาบน้ำ แล้วบีก็ปิดประตูกลับเข้าไปในห้อง ผ่านไปไม่นาน ราว ๆ 15 นาทีได้ อยู่ๆบีก็เปิดประตูออกมาอีก พร้อมกับผมที่ยังเปียกอยู่และกำลังเช็ดผม ทำหน้างง ๆ แล้วก็ตะโกนเรียกเอฟ ที่อยู่กับเพื่อน ๆ หลังจากเอฟเข้าไปในห้องราว ๆ ครึ่งชม. ผมก็สังเกตุเห็นสิ่งผิดปรกติอีกรอบ คือเอฟเปิดประตูมาแบบงง ๆ มองซ้ายทีมองขวาที แล้วก็ปิดประตู ไม่ถึง 10นาที เอฟก็เปิดประตูออกมาแล้วตะโกนเรียกผมเสียงดัง จนเพื่อนคนอื่น ๆ หันไปมองกันหมด ผมเองก็คิดว่ามันต้องมีอะไรแน่ ๆ จึงรีบไปหามันที่หน้าห้อง แล้วมันก็บอกว่า หลังจากนี้ ไม่ต้องมาเคาะห้องตูแล้วนะ เคาะให้ตายตูก็ไม่เปิดแล้ว ค่อยคุยกันตอนถึงกรุงเทพ ผมก็รับปาก เดี๋ยวบอกเพื่อนๆให้ มันก็คงรู้ว่าผมเจออะไรมาเหมือนกันแน่ๆ ถึงฝากผมไปบอกเพื่อน ๆ
หลังจากที่ผมเดินกลับไปหาเพื่อน เพื่อน ๆ ก็ถามว่าไอ้เอฟมันเป็นอะไรหรือป่าวดูแปลก ๆ ผมเลยบอกเพื่อน ๆ ไปว่า มันจะนอนกับแฟนมัน ไม่ต้องไปเคาะไปกวนมันแล้วนะ มันจะไม่เปิด… คงทำไรกันมั้ง อย่าไปกวนมันเลย ผมก็พูดทีเล่นทีจริงแอบแซวเพื่อน ให้เพื่อนๆในวงนั้นไม่คิดอะไรกันไปไกล หลังจากนั้นเหตุการณฺก็เป็นปรกติ พวกเราแยกย้ายกันไปอาบน้ำนอน แต่เพื่อนบางคนก็ยังไม่นอน บางคนก็คุยกับแฟน ตอนนั้นเวลาน่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ห้องผมปิดไฟนอนแล้วและผมก็หลับไปแล้ว และคาดว่าเพื่อนๆอีกห้องก็คงหลับเหมือนกัน ผมหลับไปได้พักใหญ่ ๆ ก็ต้องตกใจตื่นขึ้นมา เพราะมีเสียงหมาหอนครับ ผมรีบดูนาฬิกาตอนนั้นประมาณตี 2 เพื่อนๆห้องข้าง ๆก็คงจะตื่นเหมือนกันเพราะเสียงหมาหอนดังมากตอนนั้นเพื่อนทุกคนในห้องได้ยินเสียงหมาหอนเหมือนกันหมด แล้วเพื่อนคนนึงก็พูดขึ้นมาว่า ตอนเรามาจอดรถ เห็นหมาแค่ 2 ตัวเองนะ ที่นอนอยู่ตรงทางเข้า ตอนนี้มันมาจากไหนกันเยอะแยะวะ ตอนนั้นผมก็คิดเหมือนเพื่อนครับ แต่มองในแง่ดี มันอาจจะแอบนอนอยู่ตรงไหนก็ได้ ตอนนั้นเสียงหมาหอนร้องระงมไม่หยุด ซึ่งฟังจากเสียงเกินสองตัวแน่นอน แล้วพวกผมในห้องก็ต้องตกใจกันอีกรอบจนกระโดดมากองรวมกันครับ อยู่ๆก็มีเสียงเคาะประตู ก๊อก ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงเคาะรัวมากครับ แล้วก็มีเสียงตะโกนมาว่า เห้ย ๆ เปิดประตูให้ตูหน่อย ตูจะนอนด้วย ผมเองที่เชื่อเรื่องนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เลยสั่งให้เพื่อนเงียบ ห้ามขานรับ แล้วก็ไปแอบดูตรงหน้าต่าง เลยเห็นเพื่อน 3 คน หิ้วหมอนหิ้วผ้าห่มมาขอนอนด้วย จึงรีบเปิดให้เข้ามาครับ พวกเราก็มานอนรวมกันหมด ผมเลยถามหาเพื่อนอีกคน เพราะยังมีอีก 1 คนที่ยังอยู่อีกห้องคนเดียว แต่เนื่อบจากที่เราเหนื่อยมาทั้งวัน พวกเราเลยพากันนอนรวมกันหลับอย่างง่ายดาย พร้อมกับเสียงหมาหอนที่เงียบลงไปตอนไหนก็ไม่รู้ คราวนี้พวกเราหลับไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ อยู่ๆก็มีเสียงทุบประตู ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ เห้ย ๆ ใครก็ได้เปิดประตูให้ตูเร็ว ๆ ทุกคนพร้อมใจกันตื่นเหมือนเดิม แต่มั่นใจได้ว่า เสียงนอกห้องเป็นเสียงของเพื่อนเราอีกคนที่อยู่อีกห้องแน่นอน ทุกคนเงียบ ไม่มีใครตอบรับ ผมแอบไปมองที่เดิมก็เห็นเพื่อนผมจริง ๆ ผมเลยรีบเปิดประตูให้มันเข้ามา แต่มีสิ่งนึงที่ผมเห็นหางตา แว็บๆ ผมเห็น ผู้หญิงคนนึง ผมยาว กำลังมองมาทางผม อยู่หน้าประตูห้องข้าง ๆที่เพื่อนๆนอน ผมรีบปิดประตูทันทีล็อคกลอนที่ลูกบิดแล้วก็ปิดประตู ยังไม่ทันที่เพื่อนจะได้ถาม ผมก็พูดขึ้นว่าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น กลับกรุงเทพค่อยคุยกัน หลังนั้นพวกผมก็มานอนรวมๆกัน หลับไปจนถึงเช้า
หลังจากฟ้าสาง พวกเราทุกคนรีบเก็บของกลับกรุงเทพกันอย่างไว โดยไม่สนใจอะไรเลย แต่สิ่งที่ผมเห็นในตอนเช้า มันก็น่าตกใจจริง ๆ ครับ บังกาโลที่นี่ มีเกือบ 20 ห้องได้ แต่มีแค่พวกเราเท่านั้นที่มาพัก ห้องอื่น ๆ ถูกปิดสนิท ไม่มีรถจอด ผ้าม่านเปิดโล่งทุกห้อง แล้วเพื่อนผมคนนึงก็พูดขึ้นมาว่า เรามาพักรีสอร์ทร้างป่าววะเนี่ย ทำมัยมันเงียบจัง ผมก็บอกเพื่อนว่า ช่างเหอะเราจะกลับกันแล้ว ในหัวผมตอนนั้นก็ได้แต่คิดว่า เรื่องราวต่างๆเมื่อคืนก็ผ่านไปแล้ว ถ้าพวกเราทำอะไรไม่ดีหรือเสียงดัง ก็ขอโทษเจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่าเจ้าเขาด้วย หลังจากนั้น พวกผมก็เอารถไปคืนที่ร้านป้าที่แกแนะนำมารีสอร์ทนี้ สิ่งที่น่าแปลกใจคือ ป้าถามว่าหลับสบายดีมั้ย และมีคำถามต่อท้ายมาด้วยว่า เจออะไรหรือเปล่า ผมเลยออกล้อฟรีตอบแทนเพื่อนไปก่อนเลยว่า อ๋อ ไม่มีนะครับ หลับสบายดี ป้าแกก็ยิ้ม ๆ แล้วก็ทำหน้างง ๆ เหมือนไม่เชื่อ แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร รีบกลับกรุงเทพกัน
หลังจากที่พวกผมกลับถึงกรุงเทพ เย็นวันนั้นผมก็นัดรวมตัวกับเพื่อนๆ มาเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่แต่ละคนเจอว่ามีอะไรกันบ้าง โดยเริ่มจากที่ผม ผมก็เล่าเรื่องต่างๆที่เจอให้เพื่อนฟัง ว่าเจอลุงโผล่หน้ามาแบบนี้แบบนั้นและก็ผู้หญิงคนนึงยืนอยู่หน้าห้อง ถัดไปเป็นเอฟกับบีโดยเริ่มจากบี บีเล่าว่าตอนที่เธออาบน้ำได้สักพัก อยู่ๆก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู บีก็ถามว่าเอฟ หรอ รอแปบนึง แต่ก็ยังมีเสียงเคาะประตูดังมาอีก บีเลยรีบไปนุ่งผ้าขนหนูแล้วมาเปิดให้ พอเปิดมาก็ไม่เห็นมีใคร เหมือนกับที่พวกผมที่นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อน เห็นเธอนุ่งผ้าขนหนูเปิดมานั่นแหละครับ หลังจากนั้นบีก็อาบน้ำต่อจนเสร็จ กำลังเช็ดหัวอยู่ที่โต๊ะเธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอีก บีก็นึกว่าแฟนแกล้ง หรือใครสักคนแกล้ง เธอเลยไปยืนหน้าประตูกะว่า ถ้าเคาะมาอีกจะเปิดประตูกระแทกหน้าเลย พอมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น บีก็เปิดประตูแรง ๆออกไป แต่ก็ไม่มีใครอีก เมื่อเห็นแบบนั้นบี ก็เลยหันมาตะโกนเรียกแฟนเธอนั่นแหละ หลังจากนั้นเอฟก็เล่าต่อจากบีว่า มันเข้าไปในห้องแฟนมันก็เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นมันก็ไปอาบน้ำ แล้วสักพักก็มีเสียงเคาะประตู เหมือนกับแฟนมันทุกอย่างครับแต่ ตอนนั้นไอ้เอฟได้ยินอยู่คนเดียว แฟนมันไม่ได้ยิน พออาบน้ำเสร็จกำลังเช็ดหัว ก็เหมือนเดิมครับ แล้วไอ้เอฟก็ทำเหมือนแฟนมัน ไปรอฟังเสียงเคาะ ทีหน้าประตู แต่รอบนี้ ไม่เหมือนของแฟนมันครับ ตอนมันฟัง เสียงเงียบ ตอนหันหลังขะเดินออกมาก็ มีเสียงเคาะ พอมันฟังอีก เสียงก็เงียบ พอหันหลังอีกรอบก็ มีเสียงเคาะอีก มันเลยตัดสินใจเปิดประตูไปมองซ้ายมองขวาไม่เจอใครเลยเรียกผมครับ ผมเลยถึงบางอ้อ ว่ามันเจออะไร ต่อมา เพื่อน 3 คนที่อยู่อีกห้อง มันได้ยินเสียงมาหอนครับมันนอนกันไม่ได้ แล้วบังกาโลที่อยู่เนี่ย มันมีหน้าต่างข้าง ๆ อย่างห้องที่ผมจะอยู่ข้างขวา ของพวกมันจะอยู่ข้างซ้าย ซึ่งมองเห็นข้างนอก เพื่อนคนนึงมันหนวกหูหมาหอนครับ มันเลยไปเปิดม่านดู มันเห็นหมาเกือบสิบตัว มาหอนอยู่ตรงหน้าต่าง แล้วมันก็เห็นแว็บ ๆ อยู่ตรงชายหลังคามันเลยเงยหน้าขึ้นไปมอง มันเห็นมีขาคนห้อยลงมาจากหลังคาครับ มันเลยไปปลุกเพื่อนที่เหลือ แต่เพื่อนอีกคนไม่ไปครับ มันง่วงมากมันไม่สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว มันเลยนอนต่อคนเดียว เพื่อน ๆ ที่เหลือเลยมานอนห้องเดียวกันหมดครับ ต่อมาเรื่องของเพื่อนคนสุดท้ายครับ พวกผมถามว่ามันเห็นอะไร มันบอกว่ามันได้ยินเสียง ก๊อก ๆ แก็ก ๆ ที่หน้าต่างบานที่เพื่อนคนแรกออกไปเปิดม่านดู มันบอกว่า มีคนมุดเข้ามาทางหน้าต่างทั้ง ๆ ที่หน้าต่างปิดอยู่แล้วก็ค่อย ๆ แหวกม่านออกมาไต่มาตรงเพดานบนหัวมันแล้วผมก็ค่อย ๆ ยืดลงมา ตอนนั้นมันนอนตะแคงอยู่ครับแต่ขยับตัวไม่ได้ มันช๊อคมาก มันเลยหลับตาแล้วมันก็ร้องให้พ่อแม่ช่วย อยู่ดี ๆ มันก็ขยับตัวได้เลยลุกขึ้นพรวดวิ่งมาเปิดประตูเคาะห้องผมเลยครับ ผมถึงไปเปิด นั่นคงเป็นสิ่งที่ผมเห็นหางตาในคืนนั้นครับ
หลังจากที่ผมกลับกรุงเทพกัน และได้รู้ว่าแต่ละคนเจออะไรบ้าง ก็ขยาดเกี่ยวกับการไปเที่ยวแบบนี้ไปอีกนานเลยครับ จนเวลาผ่านไปได้สองปี ตอนนั้นผมเล่นดนตรีและรู้จักพี่ ๆ อีกกลุ่มหนึ่งและผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่เกาะนี้อีกเพราะที่นั่นเป็นที่สำหรับดำน้ำดูปะการัง ระหว่างที่พี่คนที่นำพาไปเที่ยวหาที่พักอยู่ ผมก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เจอให้ฟังเกี่ยวกับเกาะนี้เหมือนที่ผู้อ่านได้ฟังนี่แหละครับ แต่อาจจะหายไปบ้างบางส่วน เพราะมันนานแล้ว พี่คนนั้นก็ค่อนข้างสนใจว่าผมไปพักที่ไหน แต่ผมเองก็บอกไม่ถูกได้แต่บอกทางที่เดินทางไป จนวันถัดมา ผมได้เจอพี่เค้าอีกพี่เค้าก็เรียกผมไปดูครับ ในหน้าจอคอมเป็นรูปรีสอร์ทที่ผมไปพัก มีขาวเกี่ยวกับ ฆาตกรรม และ หญิงสาวผูกคอตาย ผมจำพลอตเรื่องในข่าวไม่ได้ครับแต่เห็นรูปว่าใช่หลังที่ผมไปพักกันแน่นอนแถมในรูปเป็นหลังที่ผมกับเพื่อน ๆ พักด้วย ผมเลยถึงบางอ้อว่าที่ผมเจอมาทั้งหมดนั้นคืออะไร แล้วพอถึงวันที่ผมไปเที่ยวที่เกาะนี้อีกครั้ง พี่คนที่เอาข้อมูลให้ผมดูชวนผมไปที่รีสอร์ทนี้ ปรากฏว่า รีสอร์ทโดนรื้อไปแล้วครับ แต่ยังไม่เรียบร้อยดี ทางเข้ามีเทปเหลือง ๆ เหมือนเวลาตำรวจตรวจที่เกิดเหตุกั้นไว้เลยไม่ได้เข้าไปดูครับได้แต่ดูอยู่ห่าง ๆ แต่สิ่งผิดปรกติที่ผมเจอก็คือ หลังอื่น ๆ รวมถึงหลังที่เพื่อนผมที่เป็นแฟนกันไปนอน ก็ยังโดนรื้อครับ ทุกหลังโดนรื้อหลังคาออกเหลือแต่โครง แต่หลังที่ผมพัก ยังเหมือนเดิมครับ ตอนนั้นในใจผมยังมีความสงสัยอยู่ว่า ทำมัยหลังนี้ไม่ถูกรื้อ หรือคนที่รื้อเป็นอะไร หรือเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงวันนี้ที่ผมพิมข้อความนี้จบ ผมก็ยังไม่เคยไปเหยียบที่นั่นอีกเลย ตอนนี้ รีสอร์ทนั้นอาจหายไปหมดแล้วหรืออาจจะยังอยู่ แต่ความน่ากลัวสำหรับผมในค่ำคืนนั้น ยังอยู่กับผมจนทุกวันนี้ครับ เพราะเป็นเรื่องแรกและเป็นเรื่องเดียวที่หนักที่สุด…
ขอขอบคุณ สมาชิกพันทิป
ติดตาม RedMOON ค่ำคืนสีเลือด