โรงแรมร้างสึนามิหลอน…
“โรงแรมร้างสึนามิหลอน…”
ประสบการณ์ที่จะเล่าให้เพื่อนๆฟังในวันนี้เกิดตอนสมัยที่เราไปเข้าค่ายเนตรนารีสมัยที่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมค่ะ เหตุเกิดที่จังหวัดนึงทางภาคใต้ตอนที่เดินทางไปถึงที่ค่ายก็ไม่มีอะไรค่ะ คุณครูก็ให้พวกเราทำกิจกรรมแทบจะตลอดทั้งวัน แต่เรื่องแปลกๆมันมาเกิดขึ้นตอนกลางคืน ที่พวกเราเหล่าเพื่อนๆ(น่าจะเกือบ 10คน) ต่างชวนกันไปที่โรงแรมร้าง..โรงแรมที่ว่ากันว่าช่วงที่มีเหตุการณ์สึนามิเกิดขึ้นนั้น ได้เอาศพไปพักไว้ที่นั่นหลายสิบศพเลยทีเดียว..!! ซึ่งค่ายที่เราพักนั้นก็อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมดังกล่าวด้วย
ตกดึกจึงแอบครูออกมาจากค่ายพักเพื่อที่จะไปเล่นผีถ้วยแก้วกัน บรรยากาศรอบค่ายระหว่างเดินทางนั้นเงียบสงบ เส้นทางที่เดินไปก็ดูน่ากลัว พอพวกเราเดินเข้าไปถึงภายในซึ่งเป็นส่วนพื้นที่ของโรงแรม ต้องบอกว่ามันดูหลอนมากๆค่ะ ยิ่งโดยเฉพาะช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่เพิ่งเกิดภัยพิบัติสึนามิไปได้ไม่นานด้วย ตัวอาคารยังคงมีคราบของน้ำท่วมที่ติดอยู่ รวมถึงต้นไม้บางต้นก็ตายและเหี่ยวแห้ง พวกเราอาศัยไฟฉายพากันเดินฝ่าความมืดจนเข้าไปถึงข้างในตัวอาคารโรงแรมที่มืด เงียบ วังเวงอย่างบอกไม่ถูก..
เมื่อเดินไปถึงตรงโถงโล่งที่ดูแล้วว่าน่าจะเหมาะสุด เพื่อนคนนึงมันก็เอาแผ่นกระดาษที่ทำเป็นตารางผีถ้วยแก้วกางลง..จากนั้นก็เริ่มพิธี ต้องบอกก่อนน่ะค่ะว่าในเหตุการณ์วันนั้นเราไม่ได้เล่น เราแค่นั่งมองเพื่อนๆมันเล่น โดยพวกเพื่อนๆนั่งล้อมวงกัน มีไฟฉายไว้ส่องอยู่สองสามอันส่องไปที่กระดาน ตอนนั้นเราทั้งกลัวผีและทั้งกลัวคนเลยค่ะ ก็เลยนั่งๆยืนๆแบบกังวล..พลางสายตาก็คอยสังเกตดูไปที่รอบๆบริเวณ ดูตรงที่เพื่อนๆมันนั่งกันบ้าง ในใจตอนนั้นอยากกลับไปที่ค่ายใจแทบขาดค่ะ ปากเลยบอกกับเพื่อนที่นั่งล้อมวงกันอยู่ว่า “พวกแกรีบๆเล่นสิ จะได้กลับค่ายกัน..ถ้าออกมานานครูจับได้พวกเราโดนแน่ๆ”
เพื่อนๆเราเลยเริ่มเล่นผีถ้วยแก้วกัน ทุกคนเอานิ้วชี้ไปแตะแก้ว โดยเพื่อนคนหนึ่งพูดเชิญผีเข้ามาในแก้ว ผ่านไปซักพักก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แก้วไม่ขยับ เพื่อนอีกคนเลยพูดขึ้นมาว่า”หรือว่าผีแถวนี้เป็นคนต่างชาติเลยไม่เข้าใจสิ่งที่เราพูดวะ” เพื่อนคนที่เชิญผีเข้ามาในถ้วยแก้วเลยพูดเป็นภาษาอังกฤษ เชิญให้เข้ามาในถ้วยแก้วอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ต้องรอ พูดจบแก้วขยับช้าๆไปทั่วกระดานทันที เพื่อนๆต่างถามคำถามไปแต่ถ้วยก็ยังวนบนกระดานช้าๆอย่างนั้นตลอด
ด้วยความที่เราอยากกลับเต็มที่แล้ว เลยบอกเพื่อนๆว่า “กระดานมีแต่ภาษาไทยเค้าอ่านไม่ออกหรอกมั๊ง ลองถามอะไรที่ให้เค้าตอบเป็นตัวเลขสิ” เพื่อนเลยถามเป็นภาษาอังกฤษว่ามาเที่ยวที่นี่กันกี่คน ทันไดนั้นแก้วก็หยุดแล้วเลื่อนไปช้าๆที่เลขสี่ ตอนนี้เราเริ่มกลัวเลยถามเพื่อนว่ามีใครดันแก้วหรือเปล่า ทุกคนต่างส่ายหน้ากันทั้งกลุ่ม
เพื่อนถามต่อไปว่า”แล้วตายกี่คน” แก้วก็เลื่อนวนไปทั้งกระดานแล้วมาหยุดที่เลขสาม ทุกคนมองหน้ากันแล้วถามต่อว่า “ตอนนี้ยังห่วงคนที่รอดมั๊ย” พอถามจบคำถาม เราได้ยินเสียงร้องไห้อยู่ข้างหลังเลยหันไปดู เราเห็นเป็นคนต่างชาติสามคน เป็นผู้ใหญ่แล้วเด็กอีกสองคน สภาพตัวเปียก ผิวซีดขาวนั่งยองๆร้องไห้อยู่ เราร้องกรี๊ดลั่นแล้วกระโดดไปนั่งข้างเพื่อนคนหนึ่งทันที แต่ก็ไม่มีใครเห็นเหมือนเรา ทั้งวงแตกตื่นเอามือออกจากแก้วโดยลืมเชิญวิญญาณกลับแล้วรีบเก็บกระดานกับแก้วเพื่อที่จะกลับค่าย
พวกเราทั้งกลุ่มต่างพากันลุกขึ้นมา แล้วเกาะกลุ่มกันเดินออกมาจากโรงแรมร้างแห่งนั้นด้วยความหวาดกลัว พอเดินมาได้สักพัก แต่แล้วทั้งหมดก็ต้องถึงกับขนลุกซู่..เมื่อรู้สึกเหมือนว่ามีใครกำลังเดินอยู่รอบๆตัวเรา..!! ตอนนั้นเราซึ่งเดินอยู่ตรงท้ายกลุ่ม หันไปมองด้านหลังก็เห็นเป็นเงาของคน ซึ่งประเมินด้วยสายตาน่าจะจำนวนมาก หรือมากกว่า20คนด้วยซ้ำ..!! กำลังเดินอยู่ในตัวอาคาร..!! พอสักพักเงาพวกนั้นก็เหมือนจะวิ่งเข้ามาหาทางพวกเราด้วย..!! พร้อมเสียงดังอึกทึกเหมือนกำลังหนีตายอะไรมาสักอย่าง..!! พวกเราตอนนั้นต่างยืนตะลึง.. แน่ใจค่ะว่าที่เห็นนั้นมันต้องไม่ใช่คนแน่นอน..!!
เงาเหล่านั้นวิ่งกรูกันเข้ามาทางพวกเรา พร้อมเสียงแอะอะโวยวาย ซึ่งเท่าที่ฟังดูเหมือนพวกฝรั่งมากกว่าจะเป็นคนไทย พวกเราตอนนั้นเริ่มขาแข้งอ่อนไปหมด มันกลัวชนิดหัวใจแทบจะหยุดเต้นเลยก็ว่าได้ค่ะ..!!
แล้วจู่ๆก็มีเพื่อนคนนึงในกลุ่ม ซึ่งดูจะควบคุมสติได้ดีที่สุด เขาท่องบทสวดมนต์ออกมา พวกเราเวลานั้นก็ไม่รู้ทำไง ก็เลยประสานเสียงพร้อมๆกันยกแก็งค์เลย..!! ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าถ้าเป็นผีฝรั่งหรือคนล่ะศาสนากับเราเขาจะฟังรู้เรื่องรึเปล่า..แต่ก็ได้แต่สวดตามไป กลุ่มเงาที่เห็นวิ่งมาทางเราอีกห้าเมตรจะถึงตัวพวกเรา ก็ค่อยๆจางหายไปในอากาศทีละคนสองคน
เวลาผ่านไปไม่นานเหมือนทุกอย่างจะดูเงียบสงบลง และกลับกลายเป็นความเงียบสงบไปทั่วบริเวณแห่งนั้นแทน..!! จากนั้นพวกเราต่างไม่รอช้า พากันเดินกึ่งวิ่ง รีบหนีออกจากโรงแรมร้างแห่งนั้นมาในทันทีเลยค่ะ แต่ในระหว่างทางเราที่อยู่ท้ายสุดได้ยินเสียงฝีเท้าเหมือนคนเดินตามหลังมา เลยหันหลังกลังไปดู เราตกใจแทบจะล้มทั้งยืน คนต่างชาติสามคนที่เห็นในโรงแรมเดินร้องไห้ตามพวกเรามาห่างๆโดยที่คนที่เป็นผู้ใหญ่จูงมือเด็กทั้งสองคน เราหยุดเดินเพราะก้าวขาไม่ออกและร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว เพื่อนๆเลยหันกลับมาดูเราแล้วทุกคนก็หยุดเดินเหมือนเรา เพราะเห็นสิ่งเดียวกับที่เราเห็น จนเพื่อนคนเดียวกับที่เริ่มสวดมนต์ได้พูดเป็นภาษาอังกฤษออกไปว่า “อย่าตามมา ที่จะไปไม่ใช่ที่ของพวกเธอ ไปอยู่ในที่ๆของพวกเธอเถอะ เราจะทำบุญจะอธิษฐานไปให้” พูดจบสามคนที่เราเห็นก็ค่อยๆหันหลังกลับและเดินจากไปในความมืดพร้อมกับเสียงร้องไห้ที่ค่อยๆเบาลงๆจนเงียบไปในที่สุด
จากนั้นพวกเราจับมือกันรีบเดินไปจนถึงค่ายและก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนคนอื่นฟัง หรือพวกอาจารย์แม้แต่คนเดียว.. เพราะต่างกลัวว่าถ้าอาจารย์รู้พวกเราจะโดนทำโทษ ที่พากันแอบหนีออกมาจากค่ายยามดึกแล้วยังจะไปลองดีที่โรงแรมร้างอีกต่างหาก
และนี่คือประสบการณ์ทั้งหมด
ติดตาม เรื่องผีผี