คืนหลอนนอนที่ไต้หวัน

 คืนหลอนนอนที่ไต้หวัน

คืนหลอนนอนที่ไต้หวัน ผีเร่ร่อน ห้องพักหลอน ห้องพักผีสิง อ่านเรื่องผี หลอน สยองขวัญ

แชร์เรื่องนี้

“คืนหลอนนอนที่ไต้หวัน”
เรื่องที่จะเล่านี้ เป๋็นเรื่องของสมาชิกพันทิปหมายเลข2147556 เรื่องก็มีอยู่ว่า ทุกคนอาจเคยเดินทางคนเดียว เที่ยวคนเดียวใช่ไหม คิดว่ามันน่าสนุกอิสระเสรี ใช่ครับมันสนุกและอิสระมาก
แต่ว่ามันแค่ช่วงกลางวันเพียงเท่านั้นแหละ ตอนกลางคืนนี้สิคือจุดวัดดวงกันเลยทีเดียว

ช่วงนั้น ผมมีโอกาสไปไปไต้หวันปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งไปคนเดียว วางแผนเองทุกอย่าง วันแรกผมถึงไต้หวัน5โมงเย็น
เดินทางเข้าเมืองมาถึงโรงแรมก็6โมงเย็น ทำการเช็คอิน ขึ้นลิฟต์ไปชั้น5 ผมได้ห้อง 523 ผมมองหาป้ายบอกหมายเลขห้อง แต่หายังไงผมก็หาไม่เจอ
มันมีป้าย 501-510 ถัดมา 511-520 และสุดท้าย 531-535 ซึ่งป้ายและช่วง 521-530 หายไป ผมเลยเดินมั่ววนหาเลยครับ แต่ก็ยังไม่เจอ
ก็เลยถอยกลับมาตั้งหลักหน้าลิฟต์ใหม่ คราวนี้ไล่หาที่ละช่วง ก็เลยเจอ ป้าย521-530. ทำไมทีแรกผมไม่เห็น
หรือผมเหนื่อยจากการเดินทางเลยตาฝ้าฟาง ?ผมเลยเดินไปห้องตัวเอง 523 ซึ่งเป็นห้องสุดท้าย และเป็นห้องใหญ่สุด ติดห้องฉุกเฉินทางออกหนีไฟด้วย 😑
ผมเอาคีย์การ์ดแตะแล้ว เปิดประตูเข้าไป ความรู้สึกแรก แอร์นี้เย็นวาบมาเลย มีลมพุงออกมาใส่หน้าเบาๆ
ห้องผมเป็นห้องลักษณะเหมือนตัว L เข้ามาจะเจอโต๊ะเขียนหนังสือ มีโต๊ะวางกาน้ำร้อน ตู้เย็น ตรงไปจะเป็นห้องน้ำ
เลี้ยวขวามาเป็นเตียงนอน ผมเดินเข้ามายืนกลางห้องซักพัก ก็ปิดม่าน เปิดกระเป๋าเตรียมพวกของใช้ต่างๆ
จู่ๆผมก็มีความรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ในห้องด้วย ตรงโซนโต๊ะเขียนหนังสือ ขนผมมันก็ลุกขึ้นมาทั้งตัว

ตอนนั้นคิดว่าผมอาจแค่เหนื่อยคงไม่มีอะไรหรอก ผมเลยปลุกใจตัวเองด้วยการ หัวเราะและกระโดด
ขึ้นทิ้งตัวลงไปนอนเด้งบนเตียงนอน ไลฟสดหาเพื่อน ตอนนั้นอาการกลัวก็หายไป เวลาตอนนั้นประมาณ1ทุ่ม ผมเลยออกไปหาอะไรทาน และเริ่มไปไหว้พระตอนกลางคืนกับเที่ยวตลาดกลางคืน. กลับมาอีกที่ห้อง
ก็ตอน4ทุ่มครึ่ง ตอนนั้นเหนื่อยมาก เหนียวตัว ก็เลยถอดเสื้อผ้าอาบน้ำ

ผมก็เปิดทีวีทิ้งไว้ ไม่ให้ห้องมันเงียบ พอผมอาบน้ำใกล้เสร็จ เสียงทีวีมันก็ดังๆ หายๆ เหมือนมีคนกดเปลี่ยนช่องเรื่อยๆ ตอนนั้นผมก็คิดว่าสัญญาณอาจไม่ดีหรือเปล่า อาบน้ำเสร็จผมก็ออกมาเช็ดตัว
แต่งตัวแล้วกลับไปห้องน้ำอีกรอบเพื่อส่องกระจกทาครีม ตอนที่กำลังนวดหน้าทาครีม เสียงทีวีมันก็ดังขึ้นมา
ดังแบบเร่งเสียงขึ้นเรื่อยๆจนมันดังมาก ผมเลยออกมาเบาเสียงลง. แต่พอเบาเสียงแล้วผมเลยคิดว่าเดี๋ยวมันจะดังขึ้นมาอีก ก็เลยปิดมันซะเลย

ผมนั่งลงอ่านแผนการเดินทางวันพรุ่งนี้ จู่ๆก็มีเสียงคนทุบประตู ปึ้งๆ และก็มีเสียงคนตะโกนเข้ามาแบบอารมณ์เสีย
ผมก็คิดว่า ข้างห้องจะมาว่าเราเรื่องทีวีเสียงดังหรอ จังหวะที่ผมกำลังเดินไปที่ประตู เสียงทุบประตูก็ยังดัง เสียงคนพูดนั่นก็ดังอยู่เหมือนกัน ผมเลยส่องดูที่ตาแมวตรงประตู แต่ ภายนอกห้องที่ผมมองเห็น มันกลับว่างเปล่า ไม่มีใครเลย เพื่อความขัวร์ผมก็เลยเปิดประตูชะโงกหน้าไปดูอีกรอบ ผมเห็นมีอาเจ๊คนนึงเปิดห้องมาเหมือนมองๆดู ถามว่าเกิดอะไรขึ้นมีอะไรหรอ ได้ยินเหมือนมีคนทะเลาะกันแถวนี้ ผมก็งงๆ อาเจ๊ก็ได้ยินด้วยหรอ แต่มันเป็นไปไม่ได้ทีว่าจะหายไปในทันที ที่ผมส่องดู

ด้วยความกังวลผมเลยส่งข้อความไปในไลน์ของโรงแรมเพื่อแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้น เขาก็ตอบกลับมาว่าจะตรวจดูให้ครับ ขอให้สบายใจและพักผ่อนให้สบาย ซึ่งทางโรงแรมก็ส่งเจ้าหน้าที่มาเดินๆดูอยู่พักนึง หน้าห้องผมหัวมุมก็มีกล้องวงจรอยู่ ถ้ามีคนทำพิเรนทร์ก็น่าจะจับได้แหละ

ผมเดินกลับมานอนต่อ และก็ตื่นขึ้นมาอีกรอบ ใจมันหวิวๆแปลกที่ ผมเลยเปิดไฟตรงประตูทางเข้าห้องดวงนึง แสงมันก็สาดมาเล็กน้อยพอให้ผมอุ่นใจบ้าง แต่พอผมจะกลับ ผมรู้สึกเหมือนมีคนเดินไปมาซ้ายขวาที่เตียง รอบๆเตียงนอน พอผมลืมตาความรู้สึกนั้นมันก็หายไป

ตอนนั้นรู้สึกกลัวหน่อยๆแล้ว ผมเลยพยายามหลับต่ออีกรอบนึง ทีนี้เคลิ้มๆจะหลับ คือผมนอนตะแคงหน้าหันไปทางที่จะเดินไปทางเข้าห้อง ซึ่งแสงไฟมันสาดออกมา ผมเห็นเป็นเงาคนยืนอยู่ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกรอบสิคราวนี้ ผมเดินไปดูก็ไม่มีอะไร ผมเลยปิดไฟดวงนั้น แล้วมาเปิดไฟหน้าห้องน้ำ ถึงแสงมันจะสาดมากกว่าเดิมก็ดีกว่าหลอนแบบเมื่อกี้

ผมอุ่นใจขึ้นบ้าง เคลิ้มๆจะหลับ อยู่ๆก็ได้ยินเสียง แก๊รกๆ เสียงเปิดประตู มีคนเข้ามาในห้องผมครับ ใครอ่ะ แม่บ้านหรอ จะเที่ยงคืนครึ่งแล้วมั้ง เข้ามาทำไมอ่ะ เสียงปิดประตูปัง แล้วมีเสียงคนเดิน ตึก…ตึก…ตึก… บริเวณทางเข้าตรงโต๊ะเขียนหนังสือ. ผมสะดุ้งขึ้นอีกรอบ และลุกไปดู เป็นใครผมไม่สน จะซัดให้อ่วม!!!

แต่สิ่งที่ผมพบคือ……ว่างเปล่าไม่มีอะไรอีกแล้ว !!!!!!!!!

เอาหล่ะสิ ง่วงก็ง่วง เหนื่อยก็เหนื่อย ปวดหัว อยากหลับแต่เจอแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ ผมเปิดกระเป๋าหยิบยาแก้แพ้อากาศกิน 1 เม็ด จะได้หลับสนิท
แต่ไม่ใช่แบบนั้น หลังจากกลับมานอนต่อ ผมเคลิ้มๆกึ่งจะหลับแล้ว คราวนี้มีคนโผล่หน้ามาจากหัวมุมทางเดิน ผมเห็นแบบยังไม่ชัด แต่แปปเดียวมันกลับชัดแจ๋วขึ้น เหมือนสมองสั่งการให้ตื่น แล้วคนที่โผล่หน้ามาก็ค่อยๆเดินออกมา จนเห็นชัดเจน
เป็นเด็กอายุ 14-15 ผมไม่แน่ใจว่าเด็กผู้หญิงหรือผู้ชาย เค้าซอยผมสั้นๆไว้หน้าม้า ความรู้สึกตอนนั้นคือ งง กับสิ่งที่เห็น เด็กคนนั้นเป็นใคร?
เข้ามาทำไม? ต้องการอะไร? หลังจากเด็กคนนั้นยืนปรากฏตัวให้เห็น เขาก็ค่อยๆเดินเข้ามาที่เตียง ยืนมองผม ระยะห่างกัน 1 เมตร
เด็กคนนั้นยิ้มให้ มีเสียงปนหัวเราะคิกๆ แต่ฟังแล้วเยือกเย็นชวนขนลุก จากรอยยิ้มน่ารัก กลายเป็นรอยยิ้มน่าสยองทันทีเพราะปากเด็กคนนั้นยิ้มจนปากฉีกไปถึงใบหู ดวงตาโปนออกมา ณ ตอนนั้นผมช๊อกเบาๆครับ ตั้งสติได้ รู้แล้วว่าคงเป็น ผีหลอก!!!
ใครหลายๆคนเจอแบบนี้อาจจะสวดมนต์ ร้องไห้หลับตา หรือแสดงอาการต่างๆ แต่!!ผมไม่ทำแบบนั้น หลังจากตั้งสติแน่ใจแล้วว่าเป็นผี แถมมาทำแบบนี้ ผมก็เลยจ้องตามันคืนครับ ทำหน้านิ่งๆ แต่ในใจก็หวั่นๆ และง่วงมาก เพลียมาก ผีนี้ก็ไม่หุบยิ้มซะที มันยืนยิ้มแบบนั้นสักพัก แล้วมันก็ค่อยๆเดินถอยหลัง
กลับไปตรงโซนโต๊ะเขียนหนังสือ แถมชะโงกหน้ามามองด้วยรอยยิ้มสยองอีกครั้งส่งท้าย

ผมลุกขึ้นจากเตียง บ่นขึ้นมา เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับกู ผมหยิบกระเป๋าเป้ที่หัวนอน หยิบเหรียญท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งผมได้มาจากวัดดัง
แถวอัมพวา ผมนำขึ้นมาใส่ในมือ ท่องคาถาบูชาท่าน แล้วพูดออกมาว่า ข้าพเจ้าขอทวงสิทธิ์การเป็นเจ้าของห้องนี้และสิ่งของต่างๆในห้องนี้ เนื่องจากข้าพเจ้าได้ทำการชำระเงินเช่าห้องนี้เป็นเวลา4คืน3วัน ข้าพเจ้าจึงเป็นเจ้าของ เป็นเจ้านายทุกอย่างในห้องนี้ ดังนั้นผู้ใดก็ตามที่อยู่ในห้องนี้ แล้วไม่ได้ทำการชำระเงินค่าเช่าร่วมกับข้าพเจ้า ผู้นั้นคือผู้บุกรุก ข้าพเจ้าขออกคำสั่งให้มันผู้นั้นไม่มีสิทธิ์เข้ามาในห้องนี้ จงออกไปจากห้องนี้ตอนนี้ หากยังละเมิดคำสั่งขอให้มันผู้นั้นจงพบแต่หายนะ ตกลงสู่ขุมนรก ผู้ที่ข้าพเจ้าอนุญาตคือ แม่บ้านผู้ทำความสะอาด และเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเท่านั้น

จากนั้นผมก็เลยปิดไฟหมด และนอนลงหลับสนิท โดยไม่มีอะไรมาก่อกวนจนถึงเช้าครับ

คืนแรกแค่มาทักทาย……….อีก2คืนนี้สิ จะมีอะไรอีกมั้ย เช้าอันสดใส ผมตื่นขึ้นมา 6 โมงเช้าตามเสียงนาฬิกาปลุก ที่ต้องรีบตื่นเพราะอยากลงไปทานอาหารเช้าช่วงแรกๆ เพราะคนไม่เยอะครับ ผมจัดการอาบน้ำแต่งตัว เหตุการณ์ก็ปรกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเรื่องเมื่อคืนผมก็ไม่ได้คิดเลย หรือผมแค่ฝันไปเองหรือเปล่า แต่มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ เพราะผมไม่ได้ฝันไป

หลังจากที่แต่งตัวเสร็จเวลาตอนนั้นก็ประมาณ 7 โมงเช้า ผมดึงคีย์การ์ดออกเก็บใส่กระเป๋า เปิดห้องออกไปเจอกับอาเจ๊คนที่เจอกันเมื่อคืน แกกำลังเก็บกระเป๋าเตรียมลงไปทานอาหารและเช็คเอาท์ ผมทักทายตามมารยาท “อรุณสวัสดิ เช้านี้สดใสดีนะ” อาเจ๊ถามผมเลย เมื่อคืนทำไมไม่ให้แฟนสาวของคุณเข้าห้อง ทะเลาะกันเรื่องอะไรเสียงดังมาก เธอเข้าห้องไม่ได้เอาหัวโขกประตูดังมากเลย ฉันส่องดูจากช่องตาแมวประตู
พอได้ฟังแบบนั้น ผมถึงกับอ้าปากค้าง!! อาเจ๊ผมมาคนเดียวครับ ผมยังโสด และผมไม่ได้ชอบผู้หญิงครับ อาเจ๊สะดุ้งตกใจกว่า อั๊ยย๊าา!!!!ผมก็บอกแกตรงๆไปว่า อาเจ๊คงเจอผีแล้วแหละ ผมเจอเด็กในห้องนี้ อาเจ๊รีบเดินไปลิฟต์และลงลิฟต์ไปพร้อมผมทันที
ผมรับประทานอาหารอยู่สักพัก นั่งอ่านข่าวในไทยวันนี้ ข่าวในไต้หวัน อาเจ๊แกก็มาสะกิดบอกว่า “ฉันกลับแล้วนะ คุณจะพักต่อที่นี้ไหม ให้ฉันคุยกับผู้จัดการโรงแรมให้ไหมจะได้ย้ายไปสาขาอื่น” อาเจ๊แกดูเป็นห่วงผม

ผมบอกแกไปว่าสบายมากครับไม่ต้องห่วง ผมรับมือได้ ขอบคุณ ขอให้เดินทางกลับถึงบ้านโดยปลอดภัย
อาเจ๊ก็ Ok ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง

หลังจากผมบ้ายบายอาเจ๊ ผมก็ขึ้นมาเข้าห้องน้ำที่ห้อง ซึ่งทุกอย่างดูปรกติไม่มีอะไร 9.00 น. ผมก็เริ่มๆออกเดินทางท่องเที่ยวตามแผนที่วางไว้จนถึงเวลา 6โมงเย็น ผมเดินทางกลับมาโรงแรม ซื้ออาหารเย็นมาทานที่โรงแรม เสร็จแล้วผมก็ขึ้นห้องพัก เวลาตอนนั้นประมาณ 18.30 น. ฟ้าเริ่มมืดแล้ว
พอผมมาถึงหน้าประตูห้องตัวเอง ผมก็ได้ยินเสียงทีวีเปิดในห้องดังมาก ผมเลยแตะคีย์การ์ดเข้าไปในห้อง ปรากฏว่าทีวีเปิดไว้ รีโมทอยู่บนเตียงนอน บนที่นอนเหมือนมีคนมานอนเพราะผ้าปูที่นอนมันยับ ผมรีบปิดทีวี ดึงปลั๊กออกทันที คือผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นแม่บ้านเปิดทิ้งไว้นะ แต่น่าจะเป็นอย่างอื่นมากกว่า ผมก็ไม่ได้สนใจ เพราะผมตัวเหนียวไปหมด เลยถอดเสื้อผ้า แก้ผ้าเดินเข้าไปอาบน้ำ

ผมเข้าไปอาบน้ำในตู้ฝักบัวได้แปปนึง อยู่ๆก็ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด แอ๊ดดดดด…… และเสียงปิด…ปึงงงง
ผมหันหลังไปมองผ่านกระจกฝ้าขาว ผมเห็นมีเงาสูงๆยืนอยู่ในห้องน้ำ ตรงหน้าตู้ฝักบัว!!!!!! เฮ้ยยย
ตอนนั้นฟองเต็มหัวเลย ผมกำลังสระผม ผมเลยเปิดประตูกระจกออกไป แต่ ก็ไม่มีเห็นใครเลย คิดว่าน่าจะมาอีกแล้ว
คราวนี้ไม่เกรงใจกันเลย เป็นผีแล้วยังโรคจิตอีก!!! ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็นอนเล่นบนเตียงนอน เปิดรูปรีทัสภาพ อัพลงIG จนเวลา4ทุ่มกว่า ก็รู้สึกง่วงอยากนอนพักแล้ว เพราะวันนี้ผมไปเที่ยวทั้งวัน
ก่อนนอนผมก็เอาท้าวเวสสุวรรณมาวางหัวเตียงเหมือนเดิม แต่รอบนี้ผมเปิดไฟในห้องน้ำไว้ ห้องน้ำผนังกั้นเป็นกระจกฝ้าขาว ทำให้แสงไฟมันสว่างไม่เยอะแบบเปิดในห้องนอน ผมหลับไปซักพัก แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงคืนครึ่ง เพราะเสียงกุก กัก เสียงของหลน ดังมาก ผมรู้เลยว่าเสียงกระปุกครีมลาแมร์ที่เป็นกระเบื้องผมหลนลงไปในอ่างล้างมือกระเบื้อง ผมนอนนึกมันไม่น่าจะตกลงไปได้ ผมวางไว้ดีมากไม่ชิดขอบชั้นวางของด้วยซ้ำ

สิ่งที่ผมต้องทำคือเดินไปเช็คว่ามันแตกไหม อารมณ์ตอนนั้นไม่กลัวผี แต่กลัวกระปุกครีมแสนแพงแตก ผมลุกขึ้นมานั่งบนเตียงกำลังจะลุกเดินไปห้องน้ำ จู่ๆก็มีเงาคนในห้องน้ำ เอาตัวมาทาบผนังห้อง อย่างที่ผมบอก ผนังห้องน้ำเป็นกระจกฝ้าขาว ผมเห็นอย่างชัดเลย เป็นคน สูงประมาณ 160 ซม. ผมนั่งงงซักพัก คนในห้องน้ำก็ถอยออกจากกระจก ณ เวลานี้ผมรู้แล้วว่า ผมคงไม่ได้เจอหนูน้อยแบบเมื่อวานแน่ๆ ผมเลยปิดไฟในห้องน้ำซะเลย แล้วตะโกนไล่ “ออกไป ที่นี้คือห้องพักของฉัน ฉันไม่อนุญาตให้เข้า”สิ้นสุดเสียงไล่ของผม ก็มีเสียงหัวเราะคิกๆแบบคืนก่อน และเสียงหัวเราะอีกแบบของผู้หญิง ฟังแล้วชวนหลอน ผมตั้งสติครับ แล้วสิ่งที่ผมทำคือ ด่า สาปแช่ง ด่าเป็นภาษาจีนด้วย คาดว่าผีคงจุกกับแต่ละคำผมด่า

พอด่าเสร็จ แช่งเสร็จ เสียงหัวเราะนั้นก็หายไป ความรู้สึกว่าในตอนนั้นห้องกลับเข้าสู่ภาวะปรกติ ผมก็นอนต่อ

ผมหลับไปได้ซักพักต้องตื่น เพราะได้ยินเสียงคนเดินในห้อง เดินๆหยุดๆ แล้วเสียงเดินนั่น ก็เดินเข้ามาที่เตียงผม ผมหลับตาเอาผ้าคลุมโปงด้วยความรำคาญ และง่วงนอน เสียงเดินมาหยุดตรงข้างตัวผม และมีเสียงคนนั่งลงมาข้างที่นอน ผมเปิดผ้าออก ลืมตาดู………!!!!!ผมแทบหัวใจวาย ผมเห็น หน้าผู้หญิง ซึ่งอยู่ปะทะหน้าผมชัดๆ ตาเธอก็โปนกว้างมาก แสยะยิ้มให้ ตอนนั้นผมหน้าชา คิดไม่ออกว่าจะทำไงดี ผมได้แต่มองหน้าเธอต่อ ผมพยายามจะขยับแขนไปหยิบท้าวเวสสุวรรณ คิดในใจว่าจะเอาไปตีหน้ามันแต่ผมไม่สามารถขยับตัวได้ ผีผู้หญิงคนนี้นี้ก็ไม่หยุดแค่นั้น มันเอาหน้าค่อยๆมาใกล้หน้าผม ตอนนั้นผมรู้สึกขยะแขยงมาก ผมเลยตั้งสติ แล้วพ่นน้ำลายใส่หน้ามันทันที (อย่าลองดีกับกู) เธอชะงักนิดนึง ทำหน้าโมโหใส่ผม ผมรู้สึกสะใจเล็กๆ แต่ยังไม่จบแค่นั้น ผีเด็กอีกคนที่ยิ้มสยองมาร่วมสมทบด้วย ผมเริ่มไม่ไหวแล้ว จู่ๆภาพที่ผมไปไหว้ศาลเจ้ามา ผมคิดถึงเทพเจ้าต่างๆทันที พร้อมบอกว่าช่วยลูกด้วย
ทันใดนั้น ผมก็ได้กลิ่นธูป กลิ่นไม้หอม แบบเดียวกับที่ผมไปไหว้ศาลเจ้ามา ส่วนผี2ตัว ก็เงยหน้ามองอะไรซักอย่างที่อยู่ด้านหลังผม แล้วมันก็ค่อยคลานถอยหลังไปทานโต๊ะเขียนหนังสือ ส่วนผมก็หลับต่อแล้วตื่นมาอีกทีก็ 7 โมงเช้าแล้ว
ผมตื่นมาด้วยความมึนๆงงๆ เช้านี้ไม่ค่อยสดใส ผมเปิดผ้าม่านขึ้นแดดจ้ามาก เหมือนเวลาบ่ายโมง
แต่ในนาฬิกา พึ่ง6โมงเช้า!!!! เมื่อคืนเราฝันไปหรอ เดินงวงเงียเข้าห้องน้ำก็ต้องตกใจ กระปุกครีม แปรงสีฟัน
ของต่างๆที่วางไว้บนชั้นเหนืออ่างล้างหน้า ตกลงมาหมด แสดงเมื่อคืนคือของจริงสินะ

โอ้ยย ขอเหอะ อย่ามายุ่งได้ไหม ผมบ่นออกมาลอยๆ แล้วก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวลงไปทานอาหารเช้า จากนั้น
ก็ลุยโปรแกรมท่องเที่ยวต่อเลย ผมเที่ยวตั้งแต่เช้า จนถึง6โมงเย็น วันนี้ซื้อของฝากพวกขนมต่างๆมาด้วย
พอถึงห้องสิ่งที่ผมทำก่อนเข้าห้องคือ เคาะประตูและบอกพวกเขาครับว่า คืนนี้ขอเถอะ ไม่ไหวแล้วเด๋วพรุ่งนี้ก็กลับแล้ว

ผมแสกนประตูเข้าไปเสียบบัตรคีย์การ์ด เปิดไฟห้อง พอเดินผ่านตรงโต๊ะเขียนหนังสือเท่านั้นแหละ หางตาผมมองไปเห็น
นังผีผู้หญิงนั่งอยู่บนโต๊ะ!!!! เห้อ!!!! ผมถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย เดินไปที่กระเป๋าเดินทาง และทำการเก็บของใส่
เตรียมไว้เพื่อพรุ่งนี้ผมจะบินกลับ ตอนนั้นผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจเธอ พอจัดของเสร็จผมก็ไปอาบน้ำ ตอนอาบน้ำก็ลุ้นอีก
ว่าเธอจะเข้ามาแอบดูผมไหม แต่รอบนี้ไม่เข้ามาครับ

ผมอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาแต่งตัวใส่ชุดนอน นั่งรีทัสภาพ รู้สึกหิว เลยแกะขนมเยลี่ออกมา1ห่อ นอนทานบนเตียง
ผมรีทัสภาพไป มือก็หยิบขนมไป แต่พอครั้งนี้ผมยื่นมือจะไปจับถุงขนม แต่มือผมไปจับอะไรซักอย่างเย็นๆแข็งๆ ผมมองด้วยหางตา
สิ่งที่ผมจับก็คือ มือครับ 🤚 ผมตกใจดึงมือมาเก็บ แล้วมองรอบๆห้อง เฮ้ย! เธอยืนแอบมองโผล่หน้ามากับเด็กยิ้มสยอง
ผมก็ไม่รู้จะทำไง เลยถามว่า กินขนมด้วยกันไหม?

เธอคนนั้นกับเด็กยิ้มสยองก็หายไป ผมก็หยุดรีทัสภาพแล้วก็เตรียมนอน ผมก็พูดลอยๆ จะทำอะไรก็ทำนะ
พรุ่งนี้จะกลับแล้ว!! ผมปิดไฟล้มตัวนอน หลับตาตั้งสติ แล้วก็เคลิ้มหลับไป ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะมีเสียงแปลกๆ
แจ๊บๆ แก๊บๆ แจ๊บๆ เสียงเหมือนใครเคี้ยวหมากฝรั่งเสียงดัง ผมเลยพลิกตัวไปทางขวาลืมตาขึ้มา !!!ผมเห็น เธอคนนั้นนั่งอยู่ที่พื้นมองมาที่ผมครับ
ในปากเคี้ยวอะไรซักอย่าง เสียงที่ผมได้ยินคือเสียงเคี้ยวของเธอ มือเธอถือห่อเยลี่ที่ผมทานไม่หมด เธอเทใส่มือเต็มๆแล้วสาดเข้าปากเคี้ยวๆเต็มปากเลย แจ๊บๆๆ แล้วเธอก็กลืนครับ ตอนเธอกลืนนี้สยองเลย เธอกลืนแล้วเยลี่เป็นก้อนติดที่ลำคอ
แล้วลงไปมีเสียงดัง อึก!อึก! เธอทิ้งถุงห่อเยลี่ แล้วเอามือชี้ไปที่กระเป๋าเป้ผม ผมก็บอกเธอ อย่านะ มันของเพื่อนๆฉันจะเอาไปฝาก
และอย่ายุ่งกับเป้ถ้าไม่อยากเจ็บ

เหมือนเธอจะไม่ฟัง เธอค่อยๆคลานไปที่กระเป๋าเป้ผม และจับกระเป๋า. แล้วก็มีเสียง กรี้ด!!!!อี้าย!!!!
แน่นอนแหละเธอต้องกรี้ด เพราะในเป้ผมมีเครื่องราง 30อัน ที่ผมซื้อมาจากวัดหลงซาน ช่วยไม่ได้นะนางผี (เตือนแล้วนะ)หลังจากนั้นเธอก็หายไปเลย ผมก็นอนต่อ เพราะผีเด็กยิ้มสยองก็ไม่มา

เช้าขึ้นมาวันที่4 ถุงเยลี่ที่เธอกินไว้ก็ยังอยู่ที่เดิม ที่พื้นมีเยลี่เกลื่อนไปหมด ผมเลยเก็บทิ้งถังขยะ
อาบน้ำแต่งตัว เช็คของแล้วก็เตรียมออกจากห้อง ผมลากกระเป๋าเดินทางไปหน้าห้องก่อน แล้วเดินเข้ามาเอาเป้
และเข้าห้องน้ำ ก่อนเดินออกมาจากห้องผมก็บอกว่า ขอคืนห้องให้นะ ไปแล้วนะ

จังหวะที่ผมปิดห้อง ผมเห็นเธอคนนั้นกับเด็กยิ้มสยองยืนอยู่ข้างในห้องตรงโต๊ะเขียนหนังสือ โบกมือให้ผมช้าๆ

ผมยิ้มแล้วโบกมือบ้ายบายเธอ และลงไปทานอาหารเช้า ทำการเช็คเอาท์ และเดินทางไปสนามบินกลับประเทศไทย

ขอขอบคุณ สมาชิกพันทิพ

ติดตาม RedMoon ค่ำคืนสีเลือด

GhostStoryThai.com อ่านเรื่องผี

แชร์เรื่องนี้

เรื่องอื่นๆ