ผีหัวขาด
“ผีหัวขาด”
ทุกสถานที่จะมีเรื่องเล่าต่างๆมากมาย ที่หมู่บ้านของผมก็มีเหมือนกัน เรื่องที่จะเล่า ต่อไปนี้เป็นเรื่องที่คุณแม่เล่าให้ผมฟังเมื่อตอนเด็กๆ
หมู่บ้านของผมอยู่ในจังหวัดเล็กๆ จังหวัดในแถบอีสานตอนบน ผมมาอยู่ที่หมู่บ้านนี้ตอนผมอายุได้ 1ปี ก่อนหน้านี้ พ่อและแม่ผมอยู่ที่ กทม. เนื่องจากมีเรื่องเศร้า ป้าและลุงของผม ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตกระทันหัน ย่าจึงอยากให้มีคนมาเฝ้าบ้านและเลี้ยงพี่ชายที่เป็นลูกลุงกับป้า 2 คนที่กำพร้าทั้งพ่อและแม่พร้อมกัน อาของผมมาไม่ได้เนื่องจากต้องรักษาเท้าที่โดนไฟลวก เป็นแผลหนักจากการทำงาน พ่อกับแม่จึงต้องลาออกจากงานหอบผมมาอยู่ที่อีสานบ้านเกิดของพ่อ บ้านป้าผมซึ่งตอนนี้เป็นบ้านผม ไปแล้ว เป็นบ้านไม้ยกใต้ถุนสูง ขึ้นบันใดไปจะเป็นชานพัก ชั้นนี้มีห้องครัว ขึ้นไปอีกพักนึงจะเป็นชานบ้าน ขวามือมีห้อง 2 ห้อง บ้านทำแบบง่ายๆ ตอนเด็กๆผมจะมีรถช้างเอาขึ้นไปเล่นบนบ้าน เมื่อเราอยู่อีกฝั่งของบ้าน รถมันจะวิ่งไปได้เองถึงกลางชาน เนื่องจากชานบ้านโค้ง แม่บอกว่า ตอนป้ากับลุงเสียก็เอาศพขึ้นมาไว้บนบ้าน ชาวบ้านแถบอีสานก่อนจะเอาศพไปป่าช้าจะนำศพไว้ที่บ้านเพื่อจัดงานก่อน บ้านของญาติทุกคนจะอยู่ในรั้วเดียวกัน ทีบ้านย่าเป็นศูนย์กลางของครอบครัว หลังบ้านผมเป็นทางดินทรายเล็กๆเป็นทางที่คนเอาไว้เดินไปทุ่งนา ไปตักน้ำที่บ่อท้ายหมู่บ้าน บ้านผมจะอยู่เป็นหลังสุดท้ายของซอยถนนทรายนี้ ทางดินทรายนี้เวลาฝนตกหนักมันจะกลายเป็นธารน้ำเล็กๆ ไหลลงห้วยที่อยู่สุดทางทราย คนโบราณเชื่อว่า ทางน้ำไหลแบบนี้เป็นทางของวิญญาณ ตรงข้ามหลังบ้านผมเป็นป่าไผ่ใหญ่มาก ถัดจากป่าไผ่นี้ไปเป็นที่ที่คนเอาไม้ไปเผาถ่าน เรื่องแรกที่แม่ผมเล่าให้ฟังเป็นเรื่องของเตาเผาถ่านนี้ละครับ ย่าของผมก็เผาถ่านไว้ที่นี่เหมือนกัน ทุกวันท่านก็จะไปดูเตาเผาถ่านท่านทุกวัน วันนั้นย่าไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด กว่าจะกลับก็มืดแล้ว แต่ต้องไปดูเตาเผาถ่านเพราะถ้าแกลบที่หลบเตาเผาถ่านน้อยไปจะทำให้ไฟลุกแรงและไหม้ไม้หมดจนไม่ได้ถ่าน เวลาตอนนั้นก็น่าจะประมาณ 3 ทุ่มกว่า ๆสมัยก่อนทางเส้นนี้มันจะมืดมากๆไฟข้างทางก็ยังไม่มี ย่าก็ถือไฟฉายของท่านเดินไปดูเตาถ่าน พอย่าเดินผ่านก่อไผ่ไปก็เห็นมีคนเดินนำหน้าอยู่ ย่าก็คิดว่าดีจิงมีเพื่อนไปดูเตาถ่านด้วยกัน เพราะตรงนี้จะมี อยู่ 6-7 เตา ย่าก็เลยเรียกให้คนๆนั้นรอหน่อยเดินไปพร้อมกัน แต่พอเดินเข้าไปไกล้จะถึงตัวคนๆนั้น ย่าเห็นเป็นร่างดำทะมึน แต่สิ่งที่น่าสยดสยองที่สุดคือร่างนั้นไม่มีหัว มันมีแต่คอ ซึ่งย่าตอนนั้นอายุก็ 60กว่าๆ วิ่งแบบไม่คิดชีวิต ถึงกับต้องเป็นไข้หัวโกร๋นผมร่วงทั้งหัวเป็นอาทิตย์ จนเกือบๆปีกว่าผมของย่าถึงจะขึ้นเต็มหัวตามเดิม อีกเรื่องกับเตาเผาถ่านนี้ ข้างเตาเผาถ่านมีป่ากล้วย วันนี้แม่ผมจะทำหมกปลีกล้วย พ่อเลยต้องไปตัดปลีมาให้ ตอนนั้น5โมงเย็น ช่วงหน้าหนาวมันก็เริ่มจะโพล้เพล้มืดๆแล้ว พ่อไปตัดปลีกล้วยก็เปิดหาไปเรื่อยๆซึ่งต้นกล้วยไม่สูงมาก พ่อหาๆไปก็เห็นคนยืนหันหลังให้ คนๆนั้นเดินลึกเข้าไปในป่ากล้วยพ่อก็ไม่สนใจเปิดหาปลีและก็ตัดใบตองไปให้แม่ด้วย พอพ่อจะตัดใบตองกล้วย ก็เห็นคนยืนหันหลังให้แต่เห็นช่วงกลางหลังถึงเท้าเพราะใบกล้วยบัง พ่อก็เลยเปิดใบกล้วยว่าจะเรียกพอเปิดใบกล้วยออก พ่อก็เห็นคนๆนั้นยืนอยู่ แต่เค้าไม่มีหัว พ่อไม่รออะไรทั้งสิ้นรีบวิ่งป่าราบออกมาจากป่ากล้วย กลับบ้านมาเล่าให้แม่ฟัง ปัจจุบันนี้ห้วยนั้นได้กลายเป็นคลองชลประทาน ทางทรายกลายเป็นทางคอนกรีต กอไผ่มีคนมาไถออกแล้วปลูกบ้าน และเตาถ่านนั้นลุงผมอีกคนไปไถออกและปลูกบ้าน ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์แปลกๆอีกตั้งแต่ขุดคลอง และเริ่มมีคนเข้ามาอยู่ในแถวๆนี้มากขึ้น
น้องผม เกิดได้ 2 ปี พ่อผมก็กลับจากไต้หวันมาอยู่บ้านอย่างถาวร ซึ่งก่อนหน้านี้พ่อผมไปทำงานไต้หวัน กลับมาพักปีละ 15 วันช่วงธันวาคมช่วงหน้านาก็ไปทำนา น้องของผมก็เล่นอยุ่ในนา พ่อไถนา แม่เลี้ยงวัวกับผมกว่าจะมาถึงก็เกือบเที่ยง รถไถที่พ่อไถนาอยู่ก็เหวี่ยงหลุดออกจากมือพ่อ รถวิ่งตรงเข้าไปหาน้องผมที่นั่งเล่นโคลนอยู่แถวๆ คันนา แต่พอจะถึงรถไถนั้นก็หักเลี้ยวแล้วก็ชนคันนาพ่อรีบวิ่งเข้าไปดับเครื่องแล้วพาน้องผมขึ้นไปบนเถียงนา ตอนนั้นผมกับแม่ก็เห็นเหตุการณ์ แม่ร้องแทบเป็นลม ซึ่งเวลาหน้านาพวกเราจะมานอนที่นา คืนนั้นพ่อฝัน พ่อฝันว่า….. คืนนั้นพ่อของผมฝันว่า มีผู้หญิงสองคนมาหาที่นา มาร้องเรียก อ้ายทิดๆ อยู่ข้างนอกเถียงนา ในฝันพ่อผมก็ลงไปดูจำได้อย่าแม่นยำว่า เป็นผู้หญิง
สองคน นุ่งโจงกระเบนสีดำส่วนอกนุ่งตะเบงมาน สีน้ำตาลเข้ม คนนึงผอมมาก คนนึงอ้วน มาคุยด้วย “อ้ายๆไปเล่นเฮือนน้องบ่ บ่อยู่นำกัน” พ่อผมถามว่าเป็นใครมาจากใหน เขาบอกว่าอยู่ โสกตรงหน้านานี่เอง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ผมต้องขอเล่าให้ฟังก่อน โสกตรงนั้นเป็นโสกข้างทางใหญ่ เรียกว่า โสกสะเบง ได้ชื่อนี้มาเนื่องด้วยแม่บอกว่า เมื่อหลายสิบปีก่อนมีคนเสียชีวิตจะอุบัติเหตุรถเครื่องตกโสก ชื่อ เบง คนเรียกติดปากว่าโสกเบง จนยังไงไม่รู้กลายเป็น โสกสะเบง ตั้งแต่ผมเด็กจนโต ก็มีคนรถตกตายเรื่อยๆ สองสามศพ เป็นผู้ชายทั้งหมด ทำนาอยู่ได้ยินเสียงเบรกลากล้อก็มี ถ้าเราเดินลงโสกนี้ไปเดินเข้าไปประมาณกิโลกว่าผ่านป่าเข้าไปจะถึงป่าช้า กองฟอนเผาผี พื้นที่ป่าสาธารณะนี้ใหญ่พอสมควร กลับมาที่เรื่องของเรา เธอบอกว่ามาจากหมู่บ้านตรงโสก พ่อบอกว่ามีลูกมีเมียแล้ว คนผอมบอกว่า “บักน้อยๆนั้นติ ข่อยมักเด้ข่อยยังหยอกมันอยู่ รถไถนั้นข่อยนิละเฮด ข่อยแค่หยอกบ่ได้เฮดหยัดหยังหลาย” ในฝันพ่อได้ยินก็โมโหไล่ทั้งสองไป พอพ่อออกไปไล่ พ่อก็เหมือนเห็นเงาดำใหญ่ทะมึนตรงต้นต้นบกใหญ่ จากนั้นทั้งสองก็วิ่งหายไป
ตื่นมาตอนเช้าพ่อก็เล่าให้แม่ฟัง แค่นั้นล่ะแม่จับได้รถมอไซขับไปพร้อมมีดอีโต้ ถึงโสก เข้าไปฟันต้นไม้ตะ แม่ผมเป็นคนใจนักเลง นิสัยเหมือนผู้ชายเสียงดัง และปากร้ายเป็นที่สุด ผมก็ได้เลือดแม่มาเต็มๆ แม่ทั้งตัดทั้งด่า “สิมาเอาผัวกูไปติ ปาดทิโถ กล้าดีจั่งได๋มาเฮดลูกกู” ความจริงดด่าแรกกว่านี้นะครับ พอกลับไปก็ไปุพ่อ ว่าถ้าคนพวกนั้นสวยก็คงตายห่าไปแล้ว แล้วก็พากันขนของกลับบ้าน ไปนอนบ้าน แม่ก็ไปเลี้ยงวัวปกติ ในป่านั้นก็ไป คืนนึงวันบุญกฐินของหมู่บ้านแม่ฝันว่า มีผู้ชายผู้หญิงคู่นึง มาหาเป็นคนแก่ หน้าตาสะอาดน่านับถือบอกว่าเป็นนายหมู่บ้านใกล้ๆ จะพาไปเที่ยวหมู่บ้าน พอดีที่หมู่บ้านมีงานบุญ หมุ่บ้านที่แม่ไปนั้นบุญมีการจัดงานดูคึกคัก ตาท่านนึงบอกแม่ว่า พวกเข้าเป็นนายที่นี่ หมู่บ้านนี้มีแต่แม่หม้าย เราดูแลอยู่ ที่พามาเพราะอยากขอโทษที่ลูกบ้านไปทำให้เดือนร้อน แต่พวกเขาไม่กล้าแล้วล่ะ พวกนั้นกลัวลูก มาด่าวันนั้น เวลาที่ลูกเลี้ยงวัวพอได้ยินเสียงพวกเขาก็หลบ แล้ว แม่บอกว่าหมู่บ้านนี้มีบ้านเรือนไม่ต่างจากหมู่บ้านปกติ แต่ดูโบราณกว่า คนในหมู่บ้านแต่งตัวดูสมัยเก่าๆ พอใกล้สว่างท่านทั้งสองก็พามาส่งแล้วก็บอกเลขไว้ สองตัว ไม่น่าเชื่อเลขในความฝันของแม่ มันถูกจริงๆ คนเฒ่าคนแก่เล่าต่อๆว่า ในป่าโสกนั้น เป็นหมู่บ้านแม่หม้าย ไม่เห็นหรือคนตายมีแต่ผู้ชาย เรื่องที่ผมเล่านี้ขึ้นอยุ่กับผู้อ่านจะใช้วิจารณญาณนะครับ แต่ผมเชื่อนะครับผมเชื่อสิ่งที่แม่เล่าครับ
ติดตาม RedMoon ค่ำคืนสีเลือด