ผู้หญิงปริศนา
“ผู้หญิงปริศนา”
เรื่องที่จะเล่านี้เป็นเรื่องของคุณหนึ่ง ซึ่งเรื่องก็มีอยู่ว่า ที่บ้านของผมทำธุรกิจรับติดตั้งและซ่อมแซมลิฟต์ ธุรกิจก็เจริญรุ่งเรืองดี มีลูกค้าเข้ามามากมาย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ร้านผมรับงานด่วน ลูกค้ากำชับมาว่า ต้องการจะให้ไปติดตั้งลิฟต์ใหม่อย่างเร็วที่สุด พูดง่ายๆคือสั่งวันนี้พรุ่งนี้ต้องไปส่งได้ทันที อย่างไรก็ตามงานก็ได้รับงานมาแล้ว แม้ว่าจะต้องไปส่งลูกค้าที่อยู่ไกลแค่ไหน เราก็ต้องไปส่ง ซึ่งบ้านของลูกค้าคือจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือ ระยะทางมันก็ค่อนข้างห่างไกล แต่หากรีบที่สุดก็สามารถไปถึงในวันเดียวได้ จึงจัดแจงขนสินค้าขึ้นรถบรรทุกทันทีที่หลังจากเตรียมการเสร็จ
แต่ก็ดันเกิดปัญหาไม่คาดคิดขึ้นซะก่อน รถบรรทุกที่ใช้ขนลิพต์เจ้ากรรมเกิดเสียขึ้นมากระทันหันในเวลาเร่งรีบแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะยังโชคดีอยู่บ้างที่มันเสียตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าไปเสียกลางทาง แต่ว่า…มันก็ทำให้กำหนดการที่ควรจะง่ายๆสบายๆ กลายเป็นงานที่ต้องแข่งกับเวลาขึ้นไปเรื่อยๆ กว่าจะหารถบรรทุกคันใหม่มาแทน กว่าจะขนลิฟต์ลงจากคันเก่าแล้วยกขึ้นคันใหม่อีก ก็นับว่าเสียเวลาไปหลายชั่วโมง จากที่เคยคาดคะเนไว้ว่าจะสามารถไปส่งได้ก่อนค่ำ กลายเป็นว่าต้องจำใจเดินทางกันช่วงกลางคืน ซึ่งผมก็ไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่นัดเพราะดินทางตอนกลางคืนมันมืด มองอะไรก็ไม่เห็น ตอนนั้นข้าวปลาอาหารก็ยังไม่ได้กินกันเลย แต่ก็ต้องรีบออกเดินทาง อาศัยหาอาหารจากร้านสะดวกซื้อยอดนิยมข้างถนน เข้าไมโครเวฟอุ่นขึ้นมากินบนรถกัน แม้งานนี้จะเริ่มต้นอย่างไม่ราบลื่นตะกุกตะกัก แต่มันก็ไม่ได้เกินจากที่พวกเราเคยเจอกันมา เหตุการณ์ไม่คาดคิดมันเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าเรามีสติ ปัญหาทุกอย่างก็ย่อมมีทางออกเสมอ…ตอนนั้นผมคิดแบบนั้น โดยไม่รู้เลยว่า ค่ำคืนนี้จะเป็นค่ำคืนสุดระทึกสยองขวัญจนที่พวกเราไม่สามารถจะลืมมันได้เลยจริงๆ
พวกผมก็ขับรถกันมาเรื่อยๆผ่านมาได้สักระยะหนึ่ง พอเริ่มดึก แต่ละคนในรถก็เริ่มจะง่วงเหงาหาวนอน เพลงที่เคยเพราะเสนาะหู เฮฮาปาร์ตี้ ถึงตอนนี้พวกผมก็เริ่มจะเบื่อจนดูเหมือนจะยิ่งส่งเสริมให้อยากจะหลับขึ้นไปอีก เพราะว่าฟังวนแต่แผ่นเดิมๆมา 3-4 รอบเข้าไปแล้ว ตอนนั้นนั่นเองที่ผมเป็นคนออกไอเดียว่า เราควรแวะพักรถกันที่ปั๊มข้างหน้าดีกว่า เผื่อจะได้แวะเข้าร้านสะดวกซื้อหาอะไรแก้ง่วงกัน โซเฟอร์ก็ไม่รอช้าพอถึงปั้มก็เลี้ยวรถเข้าไปทันที พอจอดรถเสร็จผมลงจากรถแล้วก็เดินไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว หลังจากได้พักเข้าห้องน้ำห้องท่ากันอยู่พักนึง ผมก็เดินไปร้านสะดวกซื้อ เดินหาอะไรแก้ง่วงไปเรื่อย เดินๆไปผมก็ไปเจอซีดีรายการผีรายการหนึ่ง เลยคิดว่าหาอะไรที่ตื่นเต้นๆฟังจะได้ไม่ง่วง เลยหยิบcdรายการผีติดมือมาด้วย ตอนนั้นผมก็ไม่แน่ใจว่าผมคิดอะไรอยู่ -บางทีอาจจะเพราะความง่วง ความเพลียนี่แหละ ที่ทำให้ผมหยิบแผ่นซีดีเรื่องเล่าผีอย่าง “the Shock fm” แทนที่จะเป็นเพลงสนุกสนานเฮฮาแก้ง่วง พอซื้อของเสร็จทุกคนมากันครบ ก็พากันขึ้นรถออกเดินทางต่อ รถก็แล่นไปเรื่อยๆผมก็จัดการเอาcdผีเปิดทันที ทุกคนต่างก็พากันตั้งอกตั้งใจฟัง
จะว่าไปมันก็ได้ผลเกินคาด คราวนี้แต่ละคนบนรถต่างก็ดูจะตื่นเต้นลุ้นระทึกไปกับเรื่องเล่าที่ค่อยๆไต่ระดับความหลอน เพิ่มขึ้นไปทีละนิดๆ เลยไม่มีใครดูง่วงนอนกันอีกต่อไป จนกระทั่งจู่ๆก็มีอะไรบางอย่างวิ่งตัดหน้ารถ จนทำให้คนขับต้องรีบเหยียบเบรคแบบไม่ทันตั้งตัว ส่งเสียงเอี๊ยดดดังลั่น ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร คนขับรีบพูดขึ้นมาทันทีเลยว่า เหมือนจะเห็นเป็นหมาดำทะมึนตัวใหญ่มันวิ่งตัดหน้ารถ ผมเลยรีบเหยียบเบรค แต่หลังจากล้อรถหยุดหมุน พวกเราต่างก็พากันมองไปรอบๆทางเปลี่ยวข้างพงหญ้า แต่ก็ดูเหมือนไม่พบสัญญาณของสิ่งมีชีวิตใดๆสักตัว หมาดำที่ว่าก็ไม่เห็นมี
ผลจากการเบรครถกระทันหัน ไม่เพียงแต่คนนั่งอยู่ที่หน้าคะมำคว่ำกลิ้งกันทั้งคัน ลิฟต์ที่บรรทุกอยู่ท้ายรถก็ดูทำท่าจะโยกคลอนออกจากตำแหน่งของมัน พอหลังจากที่ลงไปดูก็พบว่าผ้าที่คลุมไว้ และเชือกที่ผูกรัดลิฟต์ติดกับรถไว้อย่างดี ตอนนี้มันกระโดดออกจากกันไปคนละทิศคนละทาง ผมดูนาฬิกาดิจิตอลบนหน้าปัดวิทยุในรถบอกเวลาตีสองเข้าไปแล้ว โชคดีที่ถนนเส้นนี้ในเวลานั้นไม่มีผู้คนสัญจรไปมาเพราะมันก็ดึกมากแล้ว ไม่เช่นนั้นอาจเกิดอุบัติเหตุอันตรายมากกว่านี้อีกก็เป็นได้ แต่ในขณะเดียวกัน….เพราะด้วยความที่มันไม่มีผู้คนสัญจรไปมาเลยทำให้มันเงียบเชียบจนได้ยินทุกเสียง แม้แต่เสียงลมหายใจตัวเองหรือเสียงของกระทบกันเล็กๆน้อยๆก็ยังได้ยิน มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกขนลุกขนชัน กลัว!ขึ้นมาจับใจ ยิ่งเมื่อกี้พึ่งจะได้ฟังเรื่องผีจากรายการthe shock มาหยกๆ จินตนาการในสมองผมมันก็เริ่มขยันขันแข็งขึ้นมาผิดเวล่ำเวลาไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำเอาผมคิดเตลิดไปไกลต่างๆนาๆ ผมกับพ่อ ลุง และคนงานอีกคน ลงจากรถเพื่อไปช่วยกันผูกเชือกรัดสินค้าให้แน่นหนาเหมือนเดิม เหลือเพียงคนขับคนเดียวเท่านั้นที่รออยู่บนรถ
ระหว่างที่พวกเรา 4 คนอยู่หลังรถ ช่วยกันจัดการกับสินค้าเจ้าปัญหาอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงดัง ตึก..ตึก..ตึกก.. เสียงมันค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมีคนกำลังเดินย่ำเท้ามาทางนี้ ผมรีบหันไปดูทางหลังรถตอนแรกก็ไม่เจออะไร เพราะมันมืดจะให้เห็นอะไรได้หล่ะ พอผูกเชือกไปจนใกล้จะเสร็จ เสียงคนเดินก็ดังขึ้นมาอีก เสียงเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆใกล้เข้ามา มันทำให้พวกผมรู้สึกกดดัน กระวนกระวายใจ ขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก พวกผมรีบฉายไฟฉายไปทางต้นเสียงทันที แล้วก็เห็นเป็นผู้หญิงสาวคนนึง ผมดำยาวเป็นมันใส่ชุดสีขาว กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาๆ จวนเจียนจะถึงท้ายรถอยู่แล้ว! สถานะการณ์ตอนนั้นมันกดดัน ร้อนรนแต่ก็ยังพอที่จะยังมีสติ พอดีว่าจัดการกับลิฟต์เจ้ากรรมเสร็จพอดี ผมเลยเคาะกระจกรีบตะโกนบอกคนขับให้รีบออกรถเดี๋ยวนั้นเลย ผมไม่รู้ว่าที่เจอเป็นใครหรืออะไร ใครไม่ได้ในอยู่สถานะการณ์แบบนั้นไม่รู้หรอกว่ามันจะรู้สึกตื่นเต้น ใจเต้นแรงแค่ไหน แต่พวกผมก็รู้สึกโล่งใจที่ออกมาจากตรงนั้นได้ ระหว่างทางก็ขนลุกขึ้นมาแบบแปลกๆจนคิดไม่ตก ว่าสิ่งที่เจอมันคืออะไร แต่อย่างน้อยพวกผมก็คงไม่ได้เจอ “สิ่งนั้น” อีกแล้ว ซึ่งผมเคยคิดแบบนั้นจริงๆ จนกระทั่ง…เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งมีหมาดำวิ่งตัดหน้า และผู้หญิงหรืออะไรลอยเข้ามาหาก็ไม่รู้ พวกผมเลยตัดสินใจ ที่จะหาที่พักค้างคืนกันก่อน เพราะว่าหากดันทุรังไปต่ออาจจะเป็นอันตรายได้ ก็ไปหาห้องพักกันหน้างาน ขี่ๆไปก็ไปเจอห้องพักราคาประหยัดแห่งหนึ่ง โซเฟอร์ก็เลี้ยวรถเข้าไปทันที ติดต่อเข้าพักเรียบร้อย พอพวกผมเดินเข้าไปในห้อง ซึ่งมันก็สมน้ำสมเนื้อกับราคาเสียจริง เพราะในห้องนั้นไม่มีอะไรสิ่งอำนวยความสะดวกแต่ใดๆ เป็นห้องโล่งๆไม่มีอะไรเลยว่างั้นเถอะ สักพักแม่บ้านก็นำฟูกที่นอนมาปูให้ครบจำนวน 4 คน ส่วนโชเฟอร์ของเรานอนก็ขอแยกอยู่อีกห้องหนึ่ง บอกตามตรงว่า ณ ตอนนั้นผม เหนื่อยทั้งกายและใจ พอหัวถึงหมอนก็ผมหลับเป็นตายในทันที ไม่รู้ว่าผมหลับไปนานแค่ไหน จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูห้อง “ก๊อกๆๆ…ก๊อกๆๆๆ”มันทำผมตกใจจนสะดุ้งตื่น มันช่างทำลายความเงียบเสียจริงๆคนกำลังนอน ผมไม่ได้อยากลุกออกไปเท่าไหร่นัก แต่ก็จำเป็น พอเปิดประตูออกไป ผมก็เจอกับผู้หญิงคนนึง ผมยาว เธอใส่ชุดสีขาวตั้งแต่หัวจรดเท้ามายืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเดือดเนื้อร้อนรนใจ
สวัสดีค่ะ… หนูทำบางอย่างหาย… ช่วยหาหน่อยได้มั้ย
ในเมื่อมีหญิงสาวมาขอความช่วยเหลือถึงหน้าห้อง มีหรือคนอย่างผมจะกล้าปฏิเสษ แม้มันจะไม่ใช่เรื่องของเราก็คงปฏิเสธไม่ได้ จริงมั้ยล่ะครับ พ่อผม ลุงผม และคนงานอีกคนในห้อง เลยลุกขึ้นมาเดินตามเธอไป ช่วยหาของที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ส่วนตัวผมนั้นพอได้สติกลับมาเต็มตัวก็บอกตรงๆเลยว่ารู้สึกไม่ดี และก็คุ้นหน้าคุ้นตาผู้หญิงคนนี้จัง แต่ดันนึกไม่ออก ว่าเคยเห็นที่ไหน ด้วยความที่ง่วงจัดก็เลยบอกพ่อกับลุงว่า ขอตัวกลับไปนอนรออยู่ในห้องก่อนนะ ให้พ่อกับลุง และคนงานไปช่วยเธอหาแล้วกัน ผมเลยเดินกลับห้องมานอน ผมเป็นคนดีมั้ยให้พ่อกับลุงไปช่วยแต่ตัวเองมานอน ผมไม่สนใจอะไรแล้ว ก็คนมันง่วงเลยจัดการล้มตัวลงที่นอนทันที
ระหว่างที่ผมนอนหลับปุ๋ยอยู่คนเดียว จู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง เอาหล่ะสิทีนี้ ใครว่ะ! ผมรีบมองไปรอบๆตัว ก็ไม่เห็นใคร พ่อกับลุงและคนงานก็ยังไม่กลับมา ถึงตรงนี้ครั้นจะลุกไปเปิดประตูก็เกิดป๊อดขึ้นมาซะอย่างนั้น ผมนิ่งอยู่แบบนั้น กะว่าเดี๋ยวก็คงจะเงียบไปเอง ทำเมินซะอย่าง แต่สักพักก็มีเสียงผู้หญิงพูดขึ้นมาแทน “สวัสดีค่ะ!” ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่า… เห้ย นี่มันเสียงผู้หญิงชุดขาวคนเมื่อกี้นี้หนิ กลับมาอีกทำไม? ละ..ล.. แล้วพ่อเรากับลุงและคนงานอีกคนที่ไปด้วยกันล่ะ ไปไหน? ทำไมไม่กลับมาพร้อมกัน ผมคิดหาเหตุหาผลให้กับเรื่องราวประหลาดที่พบเจอมาตลอดคืนจนแทบจะหัวระเบิด ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดนาน สักพักเสียง “สวัสดีค่ะ” ก็เริ่มดังขึ้น และถี่ขึ้น!
สวัสดีค่ะๆๆ…สวัสดีค่ะๆๆๆ…สวัสดีค่ะๆๆๆๆ…
บอกเลยว่าคนปกติทั่วไปคงไม่ทำอะไรน่ากลัวน่าขนลุกแบบนี้!แน่ๆ
เสียงที่ว่ายังคงดังต่อไป ในที่สุดผมก็รู้สึกได้ว่า…เสียงมันเริ่มใกล้หูผมเข้ามามากขึ้นทุกทีๆ จนเหงื่อผมไหลออกมาราวกับท่อน้ำแตก ไม่ไหวแล้วผมอยู่ในนี้คนเดียวต่อไปอีกไม่ได้แน่ๆ… เมื่อผมคิดได้แบบนั้นก็รีบพุ่งตัวทะยานออกจากห้อง พอเปิดประตูไปก็ไม่เห็นเจ้าของเสียงหวานๆที่มาสวัสดีอยู่หน้าห้อง ผมก็ไม่สนใจที่มองหาว่าเธออยู่ไหน รีบวิ่งออกไป ผมวิ่งออกมาไม่ไกลนักก็ไปเจอพ่อกับคนอื่นๆยืนอยู่ ผมรีบเล่าสิ่งที่เจอมาให้ฟังทันที หลังจากนั้นพวกผมก็เลยไปรวมตัวกันในห้องอาหารใกล้ๆ ก่อนที่จะเรียบเรียงเหตุการณ์ที่พบเจอกันมาให้ฟังโดยละเอียด แต่คุณพระ!! จู่ๆผู้หญิงคนที่เป็นหัวข้อสนทนาของพวกเรา ก็เหมือนอยากมาร่วมวงด้วย เธอปรากฏตัวมาจากทางไหนก็ไม่รู้ ก่อนที่จะพุ่งพรวดเข้ามากลางวงที่พวกเรานั่งล้อมกันอยู่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอันน่ากลัวน่าสยดสยองว่า…
“ชอบฟังเรื่องผีกันมากเหรอ? …เรื่องของกรุ สนุกมั้ยล่ะ !!”
“เรื่องกรุ สนุกมั้ยล่ะ… เรื่องกรุ สนุกมั้ยล่ะ… เรื่องกรุ สนุกมั้ยล่ะ… เรื่องกรุ สนุกมั้ยล่ะะะะะะ”
เธอพูดซ้ำๆอย่างนั้นต่อหน้าทุกคนอย่างบ้าคลั่ง มันเป็นภาพที่ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ว่าชีวิตนี้จะได้เจออะไรที่มันกลัวแบบนี้มาก่อน แต่ก่อนที่ผมจะได้รู้เหตุและผลของเธอคนนี้ว่ามาจากไหน พอผมหันหน้ากลับมาอีกทีก็พบว่า…วงแตกกระเจิง ทุกคนวิ่งหนีกันไปหมดคนละทิศคนละทาง! ส่วนผมนะเหรอ จะรออะไรล่ะครับ! ผมรีบใส่เกียร์หมาวิ่งจ้ำตามทุกคนไป
สุดท้ายหลังวิ่งกันอยู่พักใหญ่ๆ ก็พอจะมีสติกลับมาเลยพากันเข้าไปในห้องเดิม รวมตัวนอนกอดกันกลม ผู้ชาย 4 คนนอนแนบชิดสนิทเนื้อ ที่ในสถานการณ์ปกติคุณไม่มีวันได้เห็นแน่ๆฟ้าคงจะผ่าเอา หน้าประตูพวกเราก็เอากระเป๋าสัมภาระแต่ละคนมากองรวมกันไว้ กะว่าผีมันคงจะเปิดผ่านเข้ามาไม่ได้แน่ๆ ด้วยความเหนื่อยล้า และง่วงนอนก็เลยพากันหลับไป พอรุ่งเช้าพวกเราก็ตื่นมานั่งคุยกัน จับความไปจับความมาก็นึกสงสัยสิ่งที่เธอพูดทิ้งเอาไว้ “เรื่องกรุ…สนุกไหม?” ผมเลยล้วงแผ่นซีดี the Shock ที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อขึ้นมาพลิกๆดู ไล่ดูลิสท์รายชื่อเรื่องเล่าผีที่อยู่บนปกด้านหลัง ก็ไปสะดุดเข้ากับบรรทัดหนึ่ง ที่มีเรื่องชื่อว่า “สวัสดีค่ะ” อยู่ในลิสต์ด้วย!!พวกเราเลยคิดว่าน่าจะเป็นผีในเรื่องนี้เค้าบังเอิญอยู่ตรงที่พวกเราผ่านมาพอดี เลยแวะมาทักทาย เมื่อได้รู้แบบนั้นก็ตัดสินใจว่าจะพากันไปทำบุญให้เธอ หลังจากที่ไปส่งลิฟต์ให้ลูกค้าเสร็จ ผมก็อธิฐานในใจบอกเธอว่าเดี๋ยวกลับบ้านจะทำบุญไปให้ ขากลับพวกเราก็ไม่เจออะไร พอถึงบ้านก็ได้พากันไปทำบุญให้กับเธอพอกลางคืนผมก็นอนแล้วว่า เธอคนนั้นมาขอบคุณผมที่ทำบุญให้กับเธอ พร้อมกับให้เลขเด็ดผมมาด้วย ผมก็ไม่รอช้าจัดการทุ่มซื้อทันที 10*10บาท ก็ผมมันคนทุนน้อย ปรากฎว่าผมถูก 3 ตัวตรงๆและนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
ติดตาม RedMoon ค่ำคืนสีเลือด