มีเพื่อนเป็นผีเปรต
ตื๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“ฮัลโหล ว่าไงแจน หายไปนานเลยนะมีอะไร”
“หยก กุมีเรื่องจะปรึกษา”
“ว่ามา”
“กุฝันเห็นไอ่แป้งอีกแล้ว”
“ฝันว่าพรือล่ะ”
“มันมายืนร้องไห้ เสื้อผ้าไม่มีใส่ ตัวมันมีแต่แผลเลือดไหลเต็มตัว น่ากลัวเหลือเกินมืงเอ๊ย”
……การโทรมาของแจน เพื่อนสมัย ม.ต้น เอ่ยถึงแป้ง เพื่อนอีกคนผู้ล่วงลับไปได้เกือบ2ปีแล้ว ผุดเรื่องราวของเธอขึ้นมาในหัวดิฉัน ทำให้ดิฉันรู้สึกกังวล สงสาร เป็นห่วง เพื่อนที่ชื่อว่าแป้ง ถึงเราจะไม่ได้สนิทอะไรกับแป้งมากมาย ตามประสาเพื่อนสนิทของเพื่อนสมัย ม.ต้น ที่เคยเจอเคยคุยกันสมัยยังเป็นๆ ก็พอทำให้ดิฉันได้รับรู้เรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ปากกัดเท้าถีบ พยายามเชิดหน้าอยู่ในสังคมไม่ยอมจม ก่อกรรมทำเข็ญไม่เคยเกรงกลัวบาป จนวันที่เธอต้องจากทรัพย์สมบัติที่เธอสร้างมันขึ้นมาจากการทำบาปไปอย่างไม่มีวันกลับ และต่อไปนี้คือเรื่องราวของเธอค่ะ
……ดิฉันกับแจน เคยเรียนด้วยกันสมัย ม.ต้น ที่โรงเรียนควนขนุน จ.พัทลุง พอจบ ม.ต้น เราก็ต้องแยกกัน เพราะดิฉันต้องย้ายเรียนที่โรงเรียนสตรีพัทลุง ที่เป็นโรงเรียนระดับจังหวัด ส่วนแจนกลับไปเรียนที่ป่าพะยอม เราติดต่อกันทางโทรศัพท์บ้างนานๆครั้ง สอบถามเรื่องราวความเป็นไปของชีวิต ม.ปลาย
แต่หลักๆคือจะกดไลค์ ส่งข้อความหากันทางเฟสเอา
…..ดิฉันมีเพื่อนใหม่ๆที่สตรีพัทลุง แจนก็มีเพื่อนใหม่ๆ และคนที่เข้ามาสนิทกับแจนในช่วง ม.ปลาย คือแป้ง
เราเคยนัดเจอกันบ้าง พากันไปดูหนังบ้าง เป็นครั้งคราว ทำให้ดิฉันได้เจอแป้งในตอนนั้น แป้งเป็นผู้หญิงอวบค่อนไปทางอวบระยะสุดท้าย แต่แป้งตัวขาวและหน้าสวย แล้วก็มีแฟน (สามี) โดยพฤตินัย เป็นนักเลงหัวไม้ ขายยา
ค้าปืนเถื่อน เป็นที่รู้จักของวัยรุ่นละแวกนั้นพอสมควร พี่ดิฉันเองก็รู้จัก และมักเตือนดิฉันเสมอว่า อย่าไปมั่วกับมันไอ่พวกนั้น ระวังมันจะปล้ำเอา
……พอได้พบได้พูดคุยกัน แป้งก็เลยกลายมาเป็นเพื่อนของดิฉันไปด้วยอีกคน แต่ก็ไม่สนิทอะไรมากมาย เพราะดิฉันไม่ต้องการสนิท เหตุเพราะ ไม่อยากเข้าไปวุ่นวายกับกลุ่มแฟนของแป้ง ดิฉันนานๆทีถึงจะเข้าไปดูเฟซสักครั้ง เพราะตอนนั้นอยากตั้งใจเรียนให้เกรดออกมาดีๆ เตรียมตัวเพื่อการไปต่อมหาลัยด้วย เราเลยห่างๆกันไปพอสมควร แล้วดิฉันก็มีเรื่องราวเข้ามาให้ต้องคิดเยอะเกินจะสนใจเพื่อนผู้เริ่มไกล
…ปี2557 ดิฉันลงมาอยู่ที่สงขลา เรียนราชภัฏ พอเช็คอินสงขลา แจนก็ทักมาทางเฟซ
“หยก อยู่สงขลาออ”
“ใช่ เราเรียนราชภัฏ …แจนอ่ะ เรียนที่ไหนไมได้คุยกันนานเลย”
“เราเรียน ม.หาดใหญ่ กับแป้ง ว่างๆมาเที่ยวที่เรามั่งนะ”
“เครๆเลย”
หลังจากนั้นจนขึ้นปี2แล้ว ดิฉันก็หาโอกาสไปหาแจนที่หาดใหญ่ ก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปหา พร้อมก้อย
(ก้อยคนนี้ที่ผูกคอตายไปในกระทู้…ศัตรู____มิตรภาพ___อาฆาต_____ความตาย)
ดิฉันไปเจอแจน ที่บ้านเช่า ใกล้ๆมหาลัยที่แจนเรียน เพราะแจนโทรบอกทาง แจนอยู่กับแป้ง 2คน
แต่วันที่ไปตอนนั้นแจนอยู่คนเดียว ดิฉันจึงขึ้นไปนอนคุยกับแจนที่เตียงนอน เลยเผือกถามถึงแป้ง
“แจน แป้งมันไปไหนหละ”
“ไปอยู่กับลูกค้ามันมั้ง”
“ลูกค้า ??? แป้งมันขายของหรอ หรือทำอะไร ขายประกันเปล่า”
…..แจน ไม่ตอบ แต่ลุกขึ้นไปล๊อกประตูห้อง ก่อนจะมาพูดเบาเสียงว่า
“แป้ง มันเป็นไซด์ไลน์”
“หะห๊า อะไรนะ”
“เบามืง กุเองก็อึดอัด มันก็เพื่อน มืงก็เพื่อน กุจะเล่าให้ฟังแล้วกัน แต่มืงอย่าเอาไปคุยนะ กุไม่อยากทะเลาะกับไอ่แป้งมัน “
“เออ ว่ามาดิ”
……แจน ก็เริ่มเล่าว่า ตอนเข้ามาเรียนปี1 ที่หาดใหญ่ เนี่ย แจนน่ะมาเรียนสบายๆ เพราะที่บ้านมีเงินส่งเรียน ส่วนแป้งน่ะ สามีที่เป็นแก๊งค์ขี้ยา ส่งเงินให้มาเรียน ปี1เรียนไปได้3เดือน แป้งมันก็ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายมาก เพราะไม่ต้องหาเอง
ใช้แต่ของดีๆ กินอาหารหรูๆ โพสต์ลงเฟสบ่อยๆ ใครๆก็อิจฉาแป้ง แล้วตัวแป้งเอง ก็ลดน้ำหนักลงจนหุ่นเช้งมาก
เพราะแป้งเคยอวบเกือบอ้วน พอลดได้ ก็เลยกลายเป็นสาวที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบเลย คือ ขาว สวย รวย(เงินสามี)
และเป็นนักศึกษาด้วย
…..แต่ชีวิตดี๊ดีของแป้งก็มีวันจบ เพราะแฟนคนที่ส่งเงินจากการทำผิดกฎหมายน่ะ โดนตำรวจเมืองลุง จับยัดเข้าห้องขังข้อหาค้ายา แป้งก็ขาดท่อน้ำเลี้ยง แรกๆแป้งก็เอาพวกทองที่ซื้อๆเก็บไว้นั่นแหละขายกิน ไม่ยอมจมเด็ดขาด แป้งเคยบอกแจนว่า มันอาย ถ้าจะให้คนอื่นมาเห็นว่ามันกำลังจม ทีนี้แป้งก็ไปสมัครงาน ทำงานร้านเหล้า แต่งตัววับๆแวมๆ แต่รายได้ดี กลางวันเรียน กลางคืนทำงาน ก็รายได้ดี เพราะแป้งหน้าตาสวย ขาว ถูกใจนักเที่ยว เลยได้ทิปเยอะ
….แต่จุดเริ่มต้นของการเป็นไซด์ไลน์ของแป้ง มันเริ่มมาจาก การไปทำงาน แล้วมีคนของนักการเมืองท้องถิ่นมาติดต่อบอก มีท่าน….สนใจ อยากให้ไปกินข้าวด้วยสักคืน จะช่วยค่าเทอมสักหมื่นสองหมื่น สนใจไหม แป้งเองก็ไม่ใช่สาวใสๆมาจากไหน เงินเป็นหมื่นๆในคืนเดียว แป้งก็ไป กลับห้องมาก็เช้าของอีกวัน เอาเงินมาอวดเป็นฟ่อนๆ แต่ตามเหนืออก กับคอของแป้งน่ะ มีรอยดูดเป็นจ้ำแดงๆ
…..แจนก็รู้แล้วว่าแป้งไปทำอะไรมา แจนก็ได้แต่บอกแป้งว่า อย่าไปทำแบบนี้อีกนะ มืงกำลังลดศักดิ์ศรีในตัวมืง
แต่แป้งก็ตอบกลับแบบแจนต้อง สะอึกว่า
“ศักดิ์ศรี มันทำให้กุอิ่มหรอ ศักดิ์ศรีจ่ายค่าห้อง ให้กูหรือเปล่า “
…..แป้งสร้างภาพได้เก่งมาก หน้าเฟส ใครๆก็มองว่าแป้งเป็นคนหน้าตาดี มีฐานะ เพราะไม่มีใครรู้ว่าบ้านของแป้งกินอยู่ทำมาหากินอะไร แต่แจนและเพื่อนที่รู้จักตอนเด็กๆจะรู้ เพราะบ้านของแป้งที่ป่าพะยอม พ่อแม่ก็ทำสวนยางเหมือนหลายๆคน จริงๆแป้งก็ไม่น่าจะลำบากอะไร แต่แป้งเคยบอกเสมอว่า เธอต้องการมีชีวิตของตัวเอง ต้องการมีหน้ามีตา…ที่มีผัวรวย ถึงจะรวยเพราะของผิดกฎหมาย แป้งก็ไม่สน เพราะมันทำให้แป้งมีชีวตที่สุขสบาย
…..แจนบอกดิฉันว่า แป้งเคยบอกแจนว่า เธอไม่ได้รักอะไรผัวเธอหรอก แต่ที่ทนคบเพราะมีเงินประเคนให้ไม่ขาด
พอผัวมาโดนตำรวจจับเข้าคุก แป้งก็เหมือนได้ปลดแอกชีวิตตัวเอง พอดีเข้ามาอยู่ในหาดใหญ่ หนุ่มๆเยอะ เสี่ยๆก็มาก
นักธุรกิจ ทั้งไทย-มาเลย์ ตำรวจ ทหาร ตามใจแป้งต้องการ เพราะเธอมีรูปกายเป็นทรัพย์ ที่เหนือกว่าสาวๆทั่วไป
….แป้งสร้างภาพให้ตัวเองดูไฮโซ เติบโตด้วยตัวเอง รับงานเชียร์เบียร์ MC พริตตี้ ถ่ายแบบ เอามาลงเฟสอวด
พร้อมแค๊ปชั่นแนวๆปลุกใจ ให้คนอื่นแบบต้องชื่นชม เคยขายของออนไลน์อยู่พักนึง พวกครีม น้ำหอม สบู่
แต่จริงๆ แป้งแสร้งทำว่าขาย จริงๆก็ขายได้อยู่ แต่มันแค่กระจึ๋งเดียว ไม่พอสำหรับคนมือใหญ่แบบแป้ง
ขายได้ มีคนสั่งซื้อ เธอก็วานให้แจนนั่นแหละส่งของให้ลูกค้าแทน
….แป้งก็แค่สร้างภาพว่าทำงานสุจริต ให้คนที่ไม่สนิทหลงเชื่อ แต่เบื้องหลังคือ แป้งรับงานคืนความสุขให้คนกระเป๋าหนัก
สำหรับผู้คลั่งไคล้นักศึกษาโดยเฉพาะ แต่แป้งเองก็ฉลาดเลือก เพราะเธอไม่ได้รับงานถี่ๆ เน้นงานที่เงินหนักจริงๆ หลักๆจะเป็นนักธุรกิจจากมาเลย์ ที่เข้ามาเที่ยว แล้วก็เอาไปบอกต่อๆกันในสังคมของเค้าเวลาหนีเมียมาเที่ยวหาดใหญ่ฝั่งไทย
สมัยนั้นยังเช่าหอราคาถูกอยู่ พอเริ่มมี แป้งก็อยู่ไม่ได้แล้วห้องเช่า ก็ชวนแจน ออกไปหาบ้านเช่าอยู่ เพราะจะได้ความกว้างขวางสะดวกสบายกว่าห้องแคบๆ โดยแป้งให้แจนออกเงินเท่าเดิมกับตอนเช่าห้องนั่นแหละ ที่เหลือ แป้งจะจ่ายเองทั้งหมด
…..แจน เห็นว่า บ้านเช่าที่แป้งไปเช่า อยู่ใกล้มหาลัย การเดินทางสะดวกสบายกว่ามาก ก็เลยยอมย้ายตามที่แป้งบอก
บ้านหลังที่เช่านั้นเป็นลักษณะบ้านเดี่ยว แต่สร้างติดๆกัน เวลาปกติ แจนและแป้งก็ใช้ชีวิตเหมือนนักศึกษาทั่วไป
แต่แจนจะเรียนอย่างเดียว ไม่ต้องทำงานเหมือนแป้ง เพราะมีทางบ้านส่ง แจนเป็นคนสมถะ ไม่ฟุ้งเฟ้อ เธอเลยไม่ได้เดือดร้อนอะไรไปกับสังคมรอบข้าง
….แต่แป้ง ยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ เริ่มมีสังคมเพื่อนจอมปลอม พากันเที่ยวกลางคืนบ่อยครั้ง ไปผับชื่อดังในหาดใหญ่ จนเหมือนเป็นบ้านหลังที่2ของตัวเอง ยิ่งพอแป้งไปออกรถยนต์ป้ายแดงมา แป้งก็บินสูงจนพักหลังๆก็แทบจะไม่ค่อยได้คุยกับแจนทั้งๆที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน จะคุยกันเฉพาะวันที่แป้งไปเรียน แป้งก็ไปเรียนงั้นๆ จริงๆแป้งเคยบอกแจนว่าไม่อยากเรียนแล้ว เหนื่อย แต่ก็ต้องการคงสภาพนักศึกษาไว้โก่งราคาค่าตัว เลยยังไม่ออกจากมหาลัย
….แจนเองก็อึดอัด กับอาชีพที่แป้งทำ เคยเตือนจนโดนแป้งตอกกลับ เธอก็เลยไม่อยากไปยุ่งกับแป้งอีกในเรื่องนั้น
แป้งแอบทำงานคืนความสุขไป โดยที่เพื่อนๆในสังคมใหม่ไม่เคยรู้เลย ต่างคิดว่าแป้งรวยจากทางบ้าน
แล้วแป้งก็เปิดตัวแฟนใหม่ เป็นหนุ่มหน้าตาดี ก็เจอกันในผับนั่นแหละ แป้งเคยพาหนุ่มคนนั้นมานอนที่บ้านหลายครั้ง
แจนบอก เธอมองแฟนใหม่แป้งแล้วก็รู้สึกสงสารเหมือนกัน ที่ไม่รู้เลยว่าแป้งแอบทำงานอะไร ถึงได้มีเงินใช้ไม่ขาด
….พอแป้งเริ่มมีแฟน ก็เริ่มประสบปัญหากับการค้า เพราะเคลียร์คิวให้ไม่ได้ ลูกค้าบางคนก็ถาม พอจะมีเพื่อนที่สนใจบ้างไหม เน้นขอที่ยังเรียนอยู่นะ แป้งก็ไปกล่อมเพื่อนที่เป็นนักศึกษาด้วยกัน ว่าทำงานสบายๆได้เงินเยอะ สนใจไหม
ขนาดแจนเอง แป้งยังเคยมาพยายามกล่อม เพราะแจนก็เป็นคนหน้าตาดีคนนึง เพียงแต่น้อยกว่าแป้ง จนทำให้แจนโกรธแป้งและด่าแป้งว่า
“อิเพื่อนเปรต” มาแล้ว ตอนนั้นแจนโกรธขนาดแจนจะย้ายไปเช่าหออยู่ตามเดิม แป้งถึงมาขอโทษ มาง้อแจน
ขอร้องว่าแจนอย่าไป เพราะแป้งมีเพื่อนที่สนิทใจที่สุดคนเดียวคือแจน
…..แป้งทำตัวเป็นแม่เล้าในคราบนักศึกษา ขนาดย่อมๆ มีเพื่อนสาวในสังกัด4-5คน บางคนไม่ได้เรียนอะไรหรอก เป็นเด็กบ้านๆ เด็กเที่ยวกลางคืนนี่แหละ แป้งก็ไปซื้อชุดนักศึกษามาให้ใส่ แล้วทำทีไปนั่งถ่ายรูป แช๊ะว่า มาเรียน
ทั้งๆที่ไม่ได้เรียนจริงๆ เพื่อโชว์ให้ลูกค้าเห็นว่า นี่ เป็นนักศึกษาใสๆนะ แต่เปล่าเลย บางคนมีลูกมีผัวแล้วด้วย
แต่ก็แอบมาทำ เพราะเงินมันดี ส่วนแป้งก็กินหัวคิวอีกทางจากการเป็นคนส่งงานให้ทำ ทั้งตัวเองก็เลือกรับแขกที่มีระดับ
ส่วนแขกที่ระดับรองๆลงมา หรือไม่ถูกใจแป้ง แป้งก็จะโยนให้เพื่อน ตัวเองกินค่าหัวคิว
…..แป้งคือตัวอย่างของคนที่ลุ่มหลงในอบายมุขเต็มพิกัด บุญไม่เคยทำ บาปนั้นสม่ำเสมอ ทั้งชักนำ ชักชวน ทำเอง แถมยังเล่นยาในพักหลังๆ บ้านกลายเป็นแหล่งมั่วสุม ตั้งวงในวันว่าง จนแจนต้องเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง
ชีวิตของแป้งวันทั้งวันเอาแต่สาละวนเพิ่มยอดเงินในบัญชีในทางผิดศีลธรรม
และการสร้างภาพลักษณ์ให้คนรอบๆตัวอิจฉา จริงๆเราก็แอบอิจฉาเหมือนกันนะ ว่าเอ้อ แป้ง มันเก่งจัง ร่ำรวยจากการทำงาน ได้ทำงานแต่งตัวสวยๆ ในขณะที่เราเองยังแบมือขอเงินพ่อเรียนอยู่เลย นั่นคือตอนที่เรายังไม่รู้เรื่องจากแจน
ว่าแป้งแอบทำงานอะไร
…..แป้งทำตัวหนักขึ้นทุกวัน จนแจนเริ่มทนไม่ไหว ฟิวส์ความอดทนมันขาด ก็เลยด่ากราดทั้งแป้งและเพื่อนสังคมใหม่ของแป้งคาวงเหล้าในบ้านเช่าหลังนั้นแหละ ว่าเคยเกรงใจกันบ้างไม๊ เพราะแจนต้องการสมาธิในการอ่านหนังสือ แป้งก็ถือตัวว่าตัวเองเป็นคนเช่าบ้านและจ่ายค่าเช่ามากกว่าแจน ก็เลยเถียงกลับ เพราะโดนหักหน้าต่อหน้าเพื่อนใหม่
ในเชิงว่าแจนมาเกาะมาอาศัยแป้งอยู่ แจนน้อยใจก็โทรบอกทางบ้าน ว่าจะแยกกับแป้ง เลยขอเงินจ่ายค่าห้องเพิ่มเพราะจะย้ายไปอยู่คนเดียว ทาง บ้านแจน ก็ตามใจ จัดการให้
…..แจนเลยย้ายข้าวของไปอยู่หอคนเดียว แป้งก็พยายามมาง้อในวันที่แจนจ้างรถมาย้ายของนะ แต่แจนไม่เอาแล้ว เพราะเบื่อ สภาพแวดล้อมแบบนี้เต็มที เสียสุขภาพจิต และอ่านหนังสือไม่เต็มที่
พอแจน ย้ายมาอยู่หอพักคนเดียว แป้งก็เทียวมาหา มาทำดีและขอโทษแจน เพราะแจน เป็นเพื่อนดีๆคนเดียวที่แป้งมี
จริงๆแป้งไม่ใช่ไม่รู้นะ ว่าเพื่อนที่คบๆไปไหนมาไหนอยู่นั่น พึ่งพาอะไรไม่ได้หรอก นอกจากพากันเที่ยว
ที่แป้งถูกหนีบไปไหนมาไหนด้วยกับกลุ่มสังคมใหม่ เพราะดูเป็นคนสวย มีตัง ตังที่ได้มาจากการทำงานด้านมืด ขัดกับสีผิวของตัวที่ดูขาวสว่าง เพราะแป้งดูแลตัวเองดี ไม่ปล่อยให้โทรมเลย
…..แจนก็หายโกรธนะ อภัยให้ เพราะเป็นเพื่อนสนิทกัน ยังไงก็เพื่อนร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน แต่แจนไม่กลับไปอยู่บ้านเช่ากับแป้งแล้ว เพราะไม่อยากไปเจอสังคมนั้นของแป้งอีก แจนบอกขออยู่แบบนี้ เจอกันเวลาคิดถึงแล้วกัน ตนเองไม่อยากไปด่าเพื่อนใหม่ของแป้งให้แป้งเสียหน้า
….แจนก็ติดต่อแป้งทางไลน์ ทางเฟส และทางโทรเอาเป็นหลัก ตัวแป้งเองก็มีคนมาชอบพอหลากหลายวงการในหาดใหญ่และใกล้เคียง แน่นอนว่าฐานะดีทุกคน แต่แป้งก็หลอกสูบเงิน สับรางเก่งมาก พอคนไหนเริ่มจะจับได้ว่าแป้งคบหลายคน แป้งก็จะตีรวน หาเรื่องเลิก มีพวกเมียหลวงของผู้ชายที่มาปรนเปรอแป้งบางคนสืบรู้ มาตามเล่นงานแป้งถึงบ้านเช่า จนแป้งต้องเผ่นหนีมาขอนอนห้องแจนก็หลายครั้ง เพื่อหลบภัยและใกล้เพื่อน สุดท้ายแป้งก็ย้ายบ้านเช่าไปอยู่บ้านเช่าทางเขต ถนนปุณกัณฑ์ เพื่อหลบการไล่ล่าจากบรรดาเมียหลวง แจนก็ขอให้แป้งเลิกทำนิสัยนี้เสียที
ขายตัวก็บาปพอแล้ว ยังจะไปหลอกสูบเงิน ทำครอบครัวคนอื่นร้าวฉานซ้ำ กรรมมันจะตามทันเอานะ แต่แป้งไม่แคร์
แป้งบอกว่า พวกคนที่มาติดพันแป้ง เขาเสนอหน้ามาให้เอง ตนก็แค่รับไว้
…..ในช่วงนั้น แจนบอกว่าแป้ง คบคนมีเงินพร้อมๆกันถึง3คน ในฐานะบ้านเล็กเด็กเสี่ย แล้วแป้งก็มีโทรศัพท์ถึง3เครื่อง
เวลาอยู่กับคนนั้นก็จะเอาโทรศัพท์เครื่องนั้นไป อีก2เครื่องก็จะเก็บไว้สับเปลี่ยน ส่วนงานอย่างว่าก็ยังแอบทำ แต่จะรับแค่เสี่ยมาเลย์ เพราะหากรับคนไทย กลัวจะไปเจอคนรู้จักกับเสี่ยที่ตัวเองคั่วอยู่ แบบนัดเจอกันที่โรงแรมเลย
งานไหนที่ไม่อยากรับ ก็จะส่งเพื่อนในสังกัดไปแทน
…..การประพฤติผิดในกามของแป้งเข้าขั้นโคม่า คือรักษาไม่ได้แล้ว แจนเคยพยายามชวนแป้งไปทำบุญ เข้าวัดเข้าวา เผื่อจิตใจจะเกิดความเย็นขึ้นมาบ้าง แต่แป้งก็ไปแบบท่องเที่ยวมากกว่าไปทำบุญ คือไปถ่ายรูปลงเฟสอวดเพื่อนว่ามาทำบุญที่วัด แต่จริงๆแล้ว แป้งก็ทำแบบ เออ ทำๆไปเหอะ มากกว่าจะมีความตั้งใจ แป้งไปซื้อหมาพันธุ์ปอมๆมาเลี้ยง
พาไปไหนมาไหนด้วยตลอด เรียกว่ารักหมาตัวนี้มากๆ หมาน้อยก็แสนรู้ ขี้อ้อนมากเวลาเจอแป้ง แต่เวลาต้องไปธุระไกลๆหลายวัน ก็ไม่พ้นแจน เพราะแป้งจะแวะมาฝากกุญแจบ้านไว้ที่แจน ให้ช่วยแวะไปดูหมาที่บ้านเช่า หน่อย ประมาณนี้ แจนก็เลยซี้กับหมาของแป้งไปเลย
…….จนมาถึงวันที่แป้งจากไป………………..
…..ช่วงปลายเดือน มกรา 2558 แป้งมาฝากกุญแจไว้ที่แจน ฝากให้ไปดูหมาให้ด้วย จะไปเที่ยวเชี่ยวหลาน ที่สุราษฏ์สัก3-4วัน มันเป็นเรื่องปกติที่แจน ชินไปกับมัน หมาน้อยผู้รอคอยอยู่ในกรงที่บ้านเช่า รอให้แป้งกลับมา แต่แป้งไปแล้วไปลับ เมื่อผ่านไปได้2วัน มีเบอร์โทรของแม่แป้งโทรมาหาแจน
“ฮาโหลลลล แจนเหอลูก”
“ค่ะแม่ สวัสดีค่ะ”
“เอ้อ นี้แม่โทรมาบอกนะ แป้งไปแล้วนะลูก ตั้งศพที่วัด….”
“แป้งงงงงงงงงง…………………..”
……แจนบอกว่าหลังจากนั้น ก็ไม่เป็นอันคุยแล้ว เพราะแจนเอาแต่ร้องไห้ ร้องโฮ แจนทำอะไรไม่ถูก นึกถึงดิฉันขึ้นได้ก็รีบโทรมาหาและบอกข่าวร้ายเรื่องแป้งในตอนนั้น ทั้งน้ำตา ดิฉันห่วงแจน เลิกเรียนก็รีบตรงไปหาแจนที่หาดใหญ่ ไปกอดปลอบใจ แจนเอาแต่เพ้อว่า
“แป้งมันไปแล้วหยก ฮือออออออ แป้งไม่อยู่กับกูแล้วหยก”
…..ดิฉันเข้าใจแจน เพราะถึงจะทะเลาะและมีปัญหากันมาเรื่อยๆ แต่แป้งกับแจน ก็เป็นเพื่อนที่สนิทและรักขนาดต่อให้ผิดแค่ไหน ก็อภัยกันตลอด พอมารู้ว่าแป้งจากไปไม่มีวันกลับ แจนก็เลยเสียใจหนักมาก จนดิฉันอดน้ำตาซึมตามแจนไม่ได้ แต่ทำได้แค่กอดและปลอบใจ ให้ทำใจ และมีสติว่าจะทำอะไรต่อไป
…..แจนชวนดิฉันไปงานศพแป้งที่พัทลุง แต่ดิฉันยังติดเรียน เลยขอไปวันเผาแทน จึงได้รู้ในวันนั้นว่าแจนขับรถหลุดโค้งเพราะถนนลื่น ความแรงของรถ ที่หวดกับต้นสะเดาเทียมข้างทาง ทำให้รถยุบเข้ามาจนถึงตัวคนขับ
สภาพศพของแป้ง ตอนที่ญาติๆไปรับศพ คือเละเทะมาก กระดูกแตกและหักเป็นท่อนๆ เลือดทะลักออกจากปากและจมูกเลอะเทอเปรอะไปหมด แม่ของแป้งถึงกับเป็นลมแล้วเป็นลมอีก พอเริ่มมีสติ หลังจากผ่านไป1วัน ก็เลยโทรบอกแจน เพราะแม่ของแป้งจะมีเบอร์แจน เพราะแจนเคยมากินมานอนที่บ้านแป้งอยู่สมัยก่อน แม่ของแป้งเลยรู้จักแจนและรักเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง
…..แจนเองพอเห็นโลงศพของแป้ง ก็เอาแต่ร้องไห้ ไปยืนเคาะโลงบอกแป้ง
“แป้ง กูมาแล้วน๊า หลับให้สบายนะมืง เรื่องข้าวของของมืง กูจะเอาให้แม่เอง”
..แจนอยู่ช่วยงานศพของแป้ง จนถึงวันเผา ซึ่งดิฉันก็ไปเผาศพแป้งด้วยในวันนั้น ได้ยินเสียงคนมางานศพ เซ็งแซ่ว่า
เสียดายจัง ยังสาวยังสวยแท้ๆ ไปไวเหลือเกิน ดิฉันเองก็ได้แต่ยืนปลงถึงความไม่แน่นอนของชีวิต
ลำบากลำบน เอาตัวเข้าแลก ได้เงินได้ทองมา มากมาย แต่ตูมเดียว ชีวิตจบ ลบไปตลอดกาล ไม่ได้อยู่ใช้
“อยากพักเมื่อท้อ นิ่งรออย่างคนสิ้นหวัง ฝั่งฝันฉันยังเลือนลางห่างเกิน เพียงตัวตนเกิดสับสนเหมือนคนอ่อนแอมากไป
จะเป็นอยู่อย่างไร สังคมเลวร้าย โลกนี้วุ่นวาย มากมายเพียงนี้ “
บทเพลงเพลงนี้ของจารย์ไข่มาลีฮวนน่าผุดขึ้นมาในความคิดของดิฉัน ณ ขณะนั้น คนเราไม่ได้แปลว่าจะตายตอนแก่เสมอไป แป้งมันจะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ ดิฉันเชื่อ ว่าการตาย ไม่ใช่การจบ ก็แค่การเปลี่ยนภพ ไปสู่โลกของคนที่ไม่มีร่างกาย เสวยบุญ ชดใช้กรรมที่เคยทำ แล้วก็หมุนเวียนไปไม่เคยหยุดตามกาลเวลาของโลก
…..หลังจากควันเมรุพวยพุ่ง ดิฉันชวนให้แจนกลับสงขลาด้วยกัน เพื่อจะไปเรียนต่อ แจนยังทำใจไม่ค่อยได้ น้ำตาปริ่มดวงตาอยู่ตลอด แจนไปไหว้ลาแม่และญาติๆของแป้ง เพื่อขอตัวกลับสงขลาไปเรียน พร้อมกับบอกแม่ของแป้งว่า
แป้งเช่าบ้านอยู่ที่หาดใหญ่ มีทรัพย์สินต่างๆที่เป็นของแป้งอยู่ ขอให้แม่หารถไปขนเอากลับบ้าน แจนมีกุญแจบ้านอยู่
นี่แจนก็จากหาดใหญ่มา2วันแล้ว เป็นห่วงหมาของแป้งที่รออยู่ที่บ้าน
…..เรากลับมาหาดใหญ่ด้วยกัน ดิฉันแวะไปส่งแจน สอบถามว่าอยู่คนเดียวไหวนะ มีอะไรให้โทรมาแล้วกัน
แจนก็ว่าอยู่ได้ ไม่เป็นไร เดี๋ยวตัวเองจะแวะไปดูหมาที่บ้านแป้งก่อน ดิฉันเลยขอตัวกลับสงขลา
…..แจนไปโพสต์แจ้งข่าว การเสียชีวิตของแป้งไว้ในเฟซตั้งแต่วันแรกที่รู้แล้ว แต่พวกเพื่อนๆและทีมงานของแป้งก็ได้แค่มาแสดงความเสียใจหน้าเฟซ แต่ไม่ได้ไปเผาศพหรืออะไร เพราะไม่มีใครรู้จักครอบครัวแป้ง และคงไม่ว่างจะไป
แจนแวะไปที่บ้านเช่าของแป้ง ตอนนี้มันเงียบเหลือเกิน เจ้าของไม่ได้กลับมาแล้วด้วย แจนเป็นธุระให้หลังจากแป้งเสียชีวิตไป แจนไปแจ้งเจ้าของบ้านเช่า ว่าแป้งเสียชีวิต จะขอคืนบ้านเช่า แต่ขอรอให้พ่อแม่ของแป้งหารถมาขนของก่อน
ซึ่งเจ้าของบ้านเช่าก็ตกใจ บอกว่าพึ่งคุยกับน้องแป้งเมื่ออาทิตย์ก่อนเอง
…..ในวันที่เผาศพแป้งไป แจนบอกว่า แจนเข้าไปในบ้าน ในวันนั้นแหละ เพราะห่วงหมา ก็เวลาปาเข้าไป2ทุ่มกว่าๆแล้ว
กรงหมาจะอยู่ที่กลางบ้าน มันยังอยู่สบายดี พอเห็นแจนเข้าไป หมาก็ดีใจตะกายกรง ร้องงืดๆดีใจ
แจนบอกว่าพอเห็นหมาดีใจ แจนก็น้ำตาไหล มันจะรู้ไหมน้อ เจ้าของมันไม่ได้กลับมาหามันแล้ว แจนเองจะเอาไปเลี้ยงก็เลี้ยงไม่ได้ เพราะที่หอห้ามเอาหมาขึ้นไป แล้วก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของแป้งจะทำยังไงกับมัน แจนก็นั่งเล่นกับมัน เอาอาหารกับน้ำให้มันกิน ของในบ้านยังอยู่ปกติดีทุกอย่าง เหมือนวันที่แป้งออกจากบ้านไป
….. บ้านนั้นมี2ห้องนอน 1ห้องน้ำ และห้องครัวอยู่ด้านหลัง แจนเข้าไปในห้องนอนของแป้ง เธอเข้าไปนั่งดูอะไรหลายๆอย่าง ทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง เอกสาร หนังสือ รูปถ่าย ยิ่งดูก็ยิ่งร้องไห้ ร้องไห้ไปคนเดียว แล้วก็นอนกลิ้งเกลือกไปมาบนที่นอนนุ่มๆ ที่นอนที่เพื่อนเคยนอน เคยเอาหมอนมาตีกัน….หดหู่ เศร้าหมอง ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ การพลัดพราก จากลา ไม่หวนกลับ ทิ้งไว้แค่ข้าวของตอนมีชีวิตให้ดูต่างหน้า กลิ้งไปกลิ้งมาน้ำตาไหลอยู่ดีๆ เพราะเพลีย เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้
….แจนบอก เผลอนอนหลับอยู่ในบ้านของแป้ง คงเพราะเพลียจากการเดินทาง แต่ต้องตื่นลืมตาเพราะเสียง
“งื๊ดๆๆๆๆๆๆๆ งิ๋งๆๆๆๆ”
??????
แจน ลืมตา ตกใจ จำได้ว่าตอนเข้ามานอนเล่นอยู่นั้น เธอเปิดไฟในห้อง แต่ทำไมตอนนี้มืดสนิท ใจเริ่มระแวง
“ใครปิดไฟวะ” ???
“งื๊ดๆๆๆๆ ๆๆๆ” เสียงหมา อาการหมาดีใจ เหมือนตอนที่เห็นเธอเดินเข้ามาเลย
แจนนอนลืมตาฟังเงียบๆ เสียงปอมๆที่ด้านนอก ยังดังแสดงความดีใจไม่หยุด
แจนเริ่มคิดไปต่างๆนาๆ ขนเริ่มลุก ใจนึงคิด หรือจะเป็นขโมย แต่เอ๊ะ ไม่ใช่มั้ง ถ้าคนแปลกหน้า หมามันคงเห่าตามสัญชาตญาณ แต่อาการ งืดๆด้วยความดีใจนี่คืออะไร หมาตัวนี้จะดีใจก็แค่เจอตน กับเจอเจ้าของมัน ก็คือแป้ง
…..พอคิด แจนก็เสียวสันหลัง ไม่กล้าเปิดประตูออกไปเผชิญ แจนก็เลยดึงผ้าห่มมาคลุมโปง นอนพนมมือบอกกล่าวถึงแป้งว่า อย่าโผล่มานะมืง กูกลัว นอนใจเต้นรัวลืมตาพนมมือใต้ผ้าห่มอยู่พักใหญ่ เสียงปอมๆเงียบไป ก็ใจชื้นขึ้น ค่อยๆมุดผ้าห่มออกมา ทีนี้แจนคือกลัวเพื่อนตัวเองขึ้นมาเลย เนี่ยคนเรา ตอนเป็นน่ะต่อให้รักกันแค่ไหน พอสิ้นลมไปก็ไม่ค่อยอยากจะเจอหรอก
…….แจนบอกตอนนั้น แจนคิดอยู่อย่างเดียวคือ แป้งกลับมาบ้านของตัวเองแน่ๆ เผลอๆอาจจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองตายไปแล้ว พอลุกขึ้นได้ก็คลำจะเปิดไฟ สวิทซ์ก็อยู่ลักษณะกดเปิด ไม่ได้กดปิด แต่ไฟดับ สงสัยหลอดไฟคงเสียไปเอง
ก็เลยรีบเปิดประตูห้องนอนออกมา ค่อยๆกระดืบชะเง้อออกไปมองตรงกรงหมา หมามันก็นอนของมันเป็นปกติ ไม่มีทีท่าอะไร แจนก็รีบเดินลิ่วๆปิดไฟแล้วออกจากบ้านมาตอนกลางดึกเลย ดูเวลาในโทรศัพท์ตอนนั้นก็เกือบเที่ยงคืนไปแล้ว
….พอขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ได้ ก็บิดรถออกมาเลย พอพ้นเขตรั้วบ้านมา หันไปมองบ้าน แจนบอกตอนนั้นรู้สึกกลัวมากๆ
เพราะไฟในห้องนอนที่ปิดเมื่อกี้ ตอนนี้มันเปิดอยู่ แจนไม่เอาแล้วไง คือเธอคิดว่าแป้งอยู่ในบ้านแน่ๆ ก็รีบหนีเลย ตอนนั้นกลัวแป้งจะมานั่งซ้อนท้ายมากๆ ถนนก็ค่อนข้างโล่งเลยเพราะดึกแล้ว
….พอวันรุ่งขึ้น แม่ของแป้งโทรมาบอกว่า เสร็จจากพาแป้งไปลอยอังคารแล้วจะเอารถมาเคลียร์ข้าวของที่บ้านเช่าแป้ง ก็อีก4-5วันเนาะ ฝากแจนแวะไปดูแลบ้านกับหมาของแป้งที่เคยกล่าวถึงให้ด้วย เดี๋ยวแม่จะไปพามาเลี้ยงเอง
แจนก็รับปาก แต่ใจน่ะเกิดความกลัวไปแล้วไง แหยงๆ กลัวเปิดประตูบ้านเข้าไปแล้วเจอแป้งนั่งยิ้มอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก แจนจะทำยังไง แต่แจนก็ข่มใจไปดูให้นะ แต่ไม่กล้าเข้าไปในห้องนอนเหมือนเมื่อวาน เข้าไปเอาอาหารเม็ดกับน้ำให้ปอมๆเสร็จก็กลับออกมาเลย ไม่กล้าอยู่เล่นด้วย แจนบอกตอนให้อาหารปอมๆ แจนก็นั่งแบบมองไปทางหลังบ้านตลอด
กลัวเจอเหมือนในหนังผีที่เคยๆดู ที่ผีจะชอบเดินโผล่มาในที่มืดๆหลังบ้านซึ่งเป็นห้องครัว
…….ทีนี้ ช่วง4-5วันนั้น แจนก็ไม่ได้เจออะไรแปลกๆอีก จนพ่อแม่ของแป้ง เอารถมาขนข้าวของๆแป้งกลับพัทลุง
ก็โทรมาให้แจนนำทางไป เพราะพ่อแม่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน แจนก็ไปช่วยเก็บ แม่ของแป้งก็ถามแจนว่า
“เสื้อผ้า เครื่องสำอางของแป้ง ลูกจะเอาไว้ใช้ไม๊ แม่เอาไปก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ แม่เอาไปให้สาวๆแถวบ้านเถอะ ของแป้งมันแพงๆทั้งนั้น แจนไม่กล้าใช้” (จริงๆแจนกลัวมากกว่า)
….ทรัพย์สินของแป้งที่เก็บไว้ในบ้าน ไม่ได้มีอะไรมากมาย เพราะรถยนต์ก็เละไปแล้ว เหลือแต่มอเตอร์ไซค์ กับเงินในบัญชี แป้งมีเงินเก็บหลักหลายแสนจากที่เห็นตัวเลข แล้วก็ตุ้มหู สร้อยคอ แหวนทอง อีกหลายวง เก็บไว้ในลิ้นชัก
แม่ของแป้ง เก็บไปก็ร้องไห้ไป เพราะคิดถึงลูก ตอนเป็นๆถึงแป้งจะดื้อจะเถียงแม่ทุกคำ แต่แม่ก็รักแป้ง
ทุกอย่างที่เป็นของแป้ง ทุกเก็บออกจากบ้านจนหมดในวันนั้น รวมทั้งหมาปอมๆด้วย เหลือไว้แค่บ้านแห่งความทรงจำเปล่าๆ
….หลังจากวันนั้นมา แจนก็ไม่ได้กลับไปที่บ้านหลังนั้นอีก แต่ก็แอบเศร้า เวลาเจอเพื่อนที่มหาลัยที่รู้ข่าว เข้ามาแสดงความเสียใจ ถึงการจากไปของแป้ง โดยที่ไม่ได้ทันเอ่ยวจีร่ำลาใดๆ แจนคิดว่าเรื่องมันคงจบแค่ตรงนั้น ข้าวของทุกชิ้นที่เป็นของแป้ง แจนก็พาแม่มาเก็บกลับพัทลุงไปหมดแล้ว แป้งจะได้กลับไปอยู่บ้านเสียที ไม่ต้องดิ้นรนอีกแล้วเนอะ
…..แต่…….
……แจนดันฝันเห็นแป้ง แจนตกใจกลัว ก็รีบโทรมาหาดิฉันในเช้าของคืนที่ฝันเห็นเลย เพราะแจนรู้ว่าตัวดิฉันไม่ค่อยกลัวเรื่องอะไรพวกนี้ เพราะเป็นคนที่ประสบพบเจออะไรแบบนี้อยู่เรื่อยๆมาตั้งแต่เด็ก แจนหวังว่าดิฉันจะช่วยเธอได้
“หยก กูจะทำไงดีวะ ไอ่แป้งมาเข้าฝัน โคตรน่ากลัวเลยมืง”
“ฝันเป็นไง เล่ามาแจน”
…..แจนบอกว่า ในฝัน แจนฝันว่า แจนน่ะไปนั่งอยู่ที่โซฟาของบ้านเช่าหลังนั้น เหมือนว่าแจนกำลังนั่งอ่านหนังสือที่โซฟา
ในเวลากลางคืน มีหมาปอมๆวิ่งเล่นไปมาอยู่ในบ้าน กับลูกบอลกลมๆ พอนั่งๆไป ก็ได้ยินเสียงร้องไห้
“ฮือออออออออ ฮืออออออออออออออออ ฮืออออออออออออออออ”
ดังมาจากหน้าบ้าน ในฝันแจนสงสัยเลยเปิดประตูบ้านออกไป ก็เห็นแป้ง
มายืนแก้ผ้าล่อนจ้อน ผมยาวรุงรัง ยืนตัวผอมกว่าปกติ ตามตัวมีแต่แผลเหวอะหวะ คราบเลือดแห้งเกรอะกรัง
ใบหน้าของแป้งที่เห็นในฝันคือ ดูซีดคล้ำไปทั้งใบหน้า มีเลือดไหล ออกทั้งตาและจมูก ปากก็แหว่งๆโหว่ๆจนเห็นฟัน ในฝันน่ะแจนว่า เหมือนแป้งพยายามจะพูดนะ ปากขยับ แต่ไม่มีเสียงพูด ได้ยินแต่เสียง ฮือๆๆๆๆอย่างเดียว
พอแจนตกใจผวาตื่น ก็ไม่กล้าหลับต่อ ลุกขึ้นมานั่งอ่านหนังสือเลย
…..แล้วไม่ใช่คืนเดียว ที่แจนฝันเห็นแป้งสภาพทุเรศทุรังนั้น ทุกครั้งที่ฝันเห็น มันจะวนๆอยู่ที่บ้านนั้นแหละ
บางคืนก็ฝันว่า เปิดประตูห้องนอนเข้าไปเจอแป้งนั่งผอมแผลเต็มตัวอยู่บนเตียงนอน บางครั้งก็ฝันว่าแป้งเดินไปเดินมาที่หน้าบ้าน แต่ทุกครั้งที่ฝัน เหตุการณ์อาจจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ทุกครั้งคือ แป้งมาในสภาพเดิมทุกที คือไม่ใส่เสื้อผ้า เนื้อตัวผอมติดโครงกระดูก ผมยาวรุงรัง ตามตัวมีแต่แผลเน่าๆ แล้วเอาแต่ร้องไห้ พยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับแจน แต่ก็ไม่มีเสียงพูด
…..แจนฝันเห็นแป้งสภาพนั้น และก็กลัวทุกครั้ง แจนจิตตก จนกลัวการนอนหลับ กลัวการจะกลับไปที่บ้านหลังนั้น
กลัวการจะได้เห็นสภาพของเพื่อนสภาพนั้น แจนจึงโทรหาดิฉัน ให้ดิฉันไปช่วย เพราะแจนรู้ว่าดิฉันสัมผัสเรื่องอะไรพวกนี้ได้ ดิฉันก็เลยไป เราก็เลยพากันไปที่บ้านเช่าหลังนั้นของแป้ง ซึ่งก็ยังไม่มีใครมาเช่า เราไปด้อมๆมองๆจนเจ้าของบ้านเช่ามาถาม ว่ามีอะไรหรือเปล่าหนู คงคิดว่าดิฉันจะมาเช่าละกระมัง เจ้าของบ้านก็จำแจนได้ เพราะเคยมาบ่อยๆ
แจนก็เลยเล่าความฝันให้เจ้าของบ้านเช่าฟัง และเหตุผลที่พาดิฉันมา
…..เจ้าของบ้านพอรู้ ก็อนุญาตตามสะดวกเลยนะงั้น ก่อนจะกระซิบกระซาบดิฉันกับแจนว่า คนที่เป็นเพื่อนบ้านของบ้านหลังนี้ บอกให้แกฟังเหมือนกัน ว่าเห็นอะไรแปลกๆในบ้าน ทั้งๆที่ไม่มีคนอยู่ เช่นไฟในห้องนอนเปิดเอง เห็นเหมือนมีเงาคนเดินไปเดินมาในบ้าน แล้วก็มีเสียงร้องไห้ ฮือๆแว่วมายามดึกๆบางคืน จนคนบ้านข้างเคียงก็ผวากันไปหมด นี่แกว่าจะไปหาซินแส หมอผี มาจัดการอยู่ เจ้าของบ้านแกว่า ต้องเป็นแป้งแน่ๆ เพราะหลังจากแป้งตายไป ก็มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมา
……แต่ดิฉันก็สัมผัสอะไรจากบ้านหลังนั้นไม่ได้เลย ก็เป็นบ้านธรรมดาหลังนึง ถ้าแป้งอยู่ที่นี่จริงๆ ดิฉันคงรู้สึกสัมผัสได้ไปแล้ว ตามความสามารถที่มีมาตั้งแต่เด็ก พยายามตั้งสมาธินิ่งๆแต่ก็ไม่ได้อะไร ส่งกระแสในใจไปถึงแป้งว่า
“แป้ง แป้งอยู่นี่หรือเปล่า ถ้าอยู่ช่วยมาเข้าฝันเราหน่อยนะ”
แล้วดิฉันก็ชวนแจนกลับ คิดในใจว่า ถ้าแป้งเป็นวิญญาณที่อยู่ที่นั่น คงจะต้องมาเข้าฝันดิฉันแน่ๆ แต่ผ่านไป3คืน
ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมา ดิฉันก็โทรไปบอกแจน ว่าไม่ฝันอะไรเลย ไม่รู้ทำไม ปกติดิฉันมีเซ้นต์ด้านนี้อยู่ แต่หนนี้รับสัมผัสไม่ได้เลย สวนทางกับแจน ที่ยังคงฝันเห็นแป้งอีก แล้วก็มาในสภาพนั้นเช่นเดิม
…..แจนโทรมาร้องไห้กับดิฉัน ว่าจะไม่ไหวแล้ว ไม่รู้ว่าแป้งต้องการอะไร ถึงมาเข้าฝันในสภาพน่ากลัวแบบนั้น จนแจนเสียสุขภาพไปเรื่อยๆ เพราะต้องตื่นจากการฝันเห็นแป้ง
….จนแจนได้กลับบ้าน ในช่วงสงกรานต์ แจนก็เลยแวะไปที่บ้านของแป้ง ไปเล่าให้แม่ของแป้งฟังถึงเรื่องนี้
แม่ของแป้งได้ฟัง และรับรู้ ก็เล่าให้ฟังกลับมาว่า ไม่ใช่แค่แจนที่ฝัน น้องชายของแป้ง อายุ12ปี ก็ฝันเห็นแป้งในสภาพเดียวกับที่แจนฝันเห็นเลย แต่ไม่ได้ฝันบ่อยเท่าแจน แต่ก็ทำให้น้องชายแป้ง หวาดกลัวอย่างมาก น้องชายของแป้ง พอได้รู้ว่าแจนก็ฝันแบบที่ตัวเองฝนเห็นแป้ง ก็นั่งขนลุกทั้งตัว บอกว่า
“พี่แป้ง มายืนร้องไห้ในฝันที่ข้างบ้าน ตัวสูงจนหน้าอยู่ตรงหน้าต่างบ้านเลยครับ “
(บ้านของครอบครัวแป้งเป็นบ้าน2ชั้น แล้วในฝัน น้องชายแป้งอยู่ในห้องที่ชั้น2 แต่เห็นแป้งมายืนร้องไห้เสื้อผ้าไม่ใส่ สภาพบาดแผลเกรอะกรัง อยู่ตรงหน้าต่างพอดี)
…..แม่ของแป้ง ก็บังเกิดความทุกข์ร้อนหมองใจ ที่รู้ว่ามีคนฝันเห็นแป้งสภาพตรงกันเป๊ะถึง2คน ทั้งๆที่อยู่ไกลกัน
ก่อนหน้านี้น้องชายของแป้งเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็เฉยๆ คิดว่าน้องชายของแป้งเก็บเรื่องเอามาฝันไปเอง
แต่พอมารู้ว่าแจนก็ฝันลักษณะคล้ายๆกัน แถมแม่เองก็ยังทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้อยู่ตลอด แต่ก็เหมือนวิญญาณของแป้งจะไม่ได้รับผลบุญเลยประมาณนั้น ยังคงมาเข้าฝันทั้งเพื่อนทั้งน้องได้เรื่อยๆ จนคนเป็นเสียสุขภาพจิต
…ความเป็นห่วงแป้ง แม้จะตายจากกันไปแล้ว แม่ของแป้ง ก็ชวนแจน และพ่อ รวมทั้งน้องของแป้ง ไปหาพระอาจารย์ที่พ่อนับถือ ที่วัด วัดนึงที่นคร ก็ไปเล่าอาการให้ฟัง หลวงท่านก็นั่งนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะเปรยมาว่า
“ดวงวิญญาณลูกสาวโยมดวงนั้น ตายไปไม่ได้กลายเป็นผีธรรมดาทั่วไป ที่ทำบุญอุทิศให้แล้วจะอิ่มเอมมีความสุข
ลูกสาวของโยมกำลังเสวยวิบากกรรมในภพภูมิของเปรต อาตมาก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าลูกสาวโยมไปทำบาปกรรมหนักอะไรมา แต่หนักหนาพอดู ทำบุญไปให้ ก็ได้รับเพียงน้อยนิด หรือแทบไม่ได้รับเลย เพราะกรรมที่กระทำ มันบังไว้หมดไม่ให้ได้รับส่วนบุญนั้น คงต้องรอให้ถึงสารทเดือน10โน่นแหละ ถึงจะได้รับเต็มที่ โยมก็ไปทำเอาตอนนั้นให้มากๆเถอะ”
…..แม่ของแป้ง พยายามจะสอบถามวิธีว่าพอจะมีวิธีช่วยหรือไม่อย่างไร เพราะสงสารแป้งจับใจ
ส่วนแจนนั้นนั่งสะอึกอยู่ในใจ เพราะรู้ดีว่า แป้งเคยทำกรรมหนักอะไรมา แต่ก็ไม่ได้ปริปากบอกไป
…..แจนกลับมาแล้วโทรเล่าให้ดิฉันฟัง ถึงเรื่องที่ไปรู้มา สภาพของแป้งที่เห็นในฝันนั้น คือสภาพของการเป็นเปรต
ดิฉันเข้าใจมาตลอดว่า เปรต มันควรจะตัวสูงเท่าต้นยาง มือใหญ่ ปากจู๋ แต่พอได้รู้จากแจน ก็เลยได้รู้ว่า
เปรต ไม่ใช่มีรูปร่างสูงใหญ่แบบนั้นเสมอไป บางตนก็มีลักษณะธรรมดา เพียงแต่แลดูน่ากลัวน่าเวทนาเท่านั้นเอง
แป้งเองก็เคยทำกรรมหนักมาตอนมีชีวิต ในด้านกาเม แถมบุญก็ไม่ทำ บาปก็ปรากฏชัด พอตายลงไปก็เลยต้องเสวยวิบากกรรมในภพเปรต ต้องแก้ผ้ารับความทรมานไปเรื่อยๆแบบนั้น
………………สารทเดือน10 ปีที่ผ่านมา แจนก็ไปทำบุญให้แป้ง
หวังอยากให้แป้งได้รับส่วนบุญตามความเชื่อ ว่าในวันนั้น เปรตจะได้รับการปล่อยจากภพภูมิให้มารับส่วนบุญจากญาติๆ
แจนบอกว่า แจนเริ่มไม่ค่อยฝันเห็นแป้งแล้ว แต่ก็ยังฝันเห็นอยู่บ้าง ฝันทีไรก็จะตกใจ โทรมาหาดิฉันให้ปลอบขวัญทุกที
แล้วตอนนี้แจนก็เชื่อเรื่องบาปกรรมและภพหลังความตายสุดตัว เธอบอกเธอกลัว กลัวว่าตายไปแล้วจะต้องเป็นเหมือนแป้ง ปกติแจนก็ไม่ทำบาปกรรมหนักอะไรอยู่แล้ว แต่ตอนนี้แจนกลายเป็นพวกชอบเข้าวัดทำบุญตักบาตร นั่งสมาธิ ผิดกับสาวๆในวัยเดียวกันไปมาก ส่วนตัวดิฉันนั้นเชื่อสนิทใจมานานแล้วเรื่องวิญญาณ แต่พึ่งมากระจ่างในเรื่องของเปรตก็ต่อเมื่อได้มารับรู้เรื่องของแป้งนี่เอง สมแล้วที่แจนแคยด่าแป้งสมัยยังอยู่ว่า “อิเพือนเปรต” ก็เลยไปเป็นเปรตจริงๆสมดังคำด่า เรื่องเพื่อนเปรตก็ขอจบลงแค่ตรงนี้ ราตรีสวัสค่ะ
ขอขอบคุณ สมาชิกพันทิป
ติดตามเรื่องผีผี RedMoon ค่ำคืนสีเลือด
อ่านเรื่องผีอื่นๆ GhostStorythai.com