เรื่องเล่าสยองขวัญ ยืมต้องคืน
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์หลอนของเราเองค่ะ เราเป็นพนักงานออฟิศของบริษัทหนึ่งในกรุงเทพ เรื่องมันเริ่มจากช่วงที่เราลาพักร้อน 15 วัน เพื่อไปบวชชี เนื่องจากมีคนที่เราเคารพและศรัทธาทักว่า เราจะมีเคราะห์อาจถึงชีวิตได้ ต้องรีบไปแก้กรรมด้วยการบวชชี เราจึงขอลางานเพื่อไปบวชชีที่จังหวัดกาญจนบุรี เป็นวัดป่าอยู่บนเขา ระหว่างที่บวชชีเราเคร่งครัดมาก ไม่เล่นโซเชียลหรือใช้เครื่องมือสื่อสารอะไรเลย
หลังจากบวชครบ 15 วัน พอเรากลับถึงบ้านประมาณค่ำๆ เราก็อาบน้ำนอนเลยเพราะรู้สึกง่วงและเหนื่อย พอถึงตอนเช้าเราตื่นนอนประมาณตี 5 (ปกติเราตื่นตี 4 ) เราจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวขับรถไปทำงาน เพราะถ้าสายกว่านี้รถจะติด วันนี้เรามาถึงที่ออฟฟิศประมาณ 7 โมง ขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของบริษัทตามปกติ บรรยายกาศก็จะไม่ค่อยสว่างมาก แต่ต้องแปลกใจเมื่อรุ่นน้องที่ทำงานด้วยกันกลับมาถึงก่อนเราในวันนี้ รุ่นน้องคนนี้ชื่อน้องจอย เราเห็นน้องจอยยืนยิ้มให้ เมื่อเราปิดประตูรถหันกลับมาก็ต้องสะดุ้งโยง เพราะน้องจอยมายืนอยู่ข้างหลังเราแล้ว เราเลย อุทาน ‘’โอ้ยย…ใจหายใจคว่ำหมด มายืนทำอะไรตรงนี้’’
น้องจอยทำหน้านิ่งๆ แล้วพูดว่าหนูเอาเงินมาคืนพี่ พร้อมกับยืนมือที่กำของบางอย่างออกมาให้เรา เราก็พูดว่า… ‘’ โอ๊ย..จะรีบอะไรขนาดนั้น ให้บนออฟฟิศก็ได้มั้งงงง’’ ปากพูดไป แต่เราก็ยืนมือ ออกไปรับของจากน้องจอย ระหว่างนั้นไฟก็เริ่มติดๆดับๆ เมื่อเรามองสิ่งของที่รับมาจากน้องจอย ปรากฏว่าเป็นเหรียญอะไรสักอย่าง เรากำลังจะถามว่าเหรียญอะไร เอามาให้ทำไม แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ไฟก็ดับพรึบ เราตกใจปล่อยเหรียญตกลงบนพื้น เหรียญกลิ้งเข้าไปทางใต้ท้องรถเรา เรารีบก้มลงไปจะเก็บ แต่ก็ไม่เห็นเหรียญนั้นแล้ว เพราะแสงตรงนั้นค่อนข้างน้อย เราจึงเงยหน้าขึ้น มาเป็นจังหวะที่ไฟติดสว่างขึ้นมาพอดี เราหันไปจะบอกให้น้องจอยช่วยหาเหรียญ แต่เราก็ไม่เห็นน้องจอยอยู่ตรงนั้นแล้ว
เราแอบหัวเสียเล็กน้อย ”อะไรของมันอยู่ๆก็หายไป เดินไปไม่รอ” แล้วเราก็เดินไปที่ลิฟต์ เพื่อหวังว่าจะเจอน้องจอยนั้นอยู่ตรงนั้น แต่ก็ไม่มีน้องจอย จึงกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปที่ทำงาน ชั้น 9 ในลิฟต์ตอนนั้นมีเราเพียงคนเดียวเพราะยังเช้าอยู่ จึงยังไม่ค่อยมีคน ขณะที่ลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้น 9 ไฟในลิฟต์ก็ติดๆดับๆอีก และลิฟต์ก็เปิดออก เรากำลังก้าวขาออกจากลิฟต์ อยู่ๆลิฟต์ก็ปิด เรารีบหดขาเข้าไปในลิฟต์ ..ใจหายวูบ.. แล้วลิฟต์ก็เปิดอีกครั้ง เรารีบวิ่งออกมาเพราะกลัวลิฟต์จะตก พร้อมกับบ่นตามภาษา ‘’เป็นอะไรว่ะ ..วันนี้ตั้งแต่เช้าเลย…ตกใจสองรอบล่ะ’’
เมื่อขึ้นมาถึงออฟฟิศก็ไม่เจอใคร คิดว่าน้องจอยคงไปหาของกินยังไม่ขึ้นมา เราก็วางของและหยิบกล่องอาหารเช้าขึ้นมากิน ระหว่างที่นั่งกินอยู่นั้น ก็รู้สึกเหมือนมีคนเดินอยู่ข้างหลัง พอหันไปดู ก็ไม่เจอใคร จึงเรียก ‘’จอย จอย ..ขึ้นมาแล้วหรอ’’ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ
หลังจากนั้นผ่านไปสักพักใหญ่ๆ มีแม่บ้านสองคนเข้ามาทำความสะอาด เราจึงแซวแม่บ้านที่รู้จักกันดี ‘’แม้….ป้า หนูไม่อยู่แค่ 10 กว่าวันนี้ มีผู้ช่วยแล้วน๊า ’’ ป้าแกก็ทำสีหน้าแบบกลัวๆกังวล แล้วพูดว่า ‘’นี่หนูยังไม่รู้หรือลูก’’ เราก็งง ‘’ไม่รู้อะไรป้า’’ ป้าสีหน้าแบบอยากเล่ามากมาย แต่ก็กลัวๆ แล้วป้าแก ก็ตัดบทว่า ‘’เดี่ยวป้ารีบทำความสะอาดก่อนนะสายแล้ว’’ แล้วแม่บ้านสองคนก็รีบทำความสะอาดแล้วก็เดินจากไป ทำเอาเรางง ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกเริ่มเสียวๆ ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยกันเข้ามาทำงานแต่ทุกคนใส่เสื้อดำ (ลืมบอกไปเราใส่ชุดขาว เพราะเพิ่งสึกมา เลยอยากใส่ชุดสีขาวต่ออีก 7 วัน)
หัวหน้าที่เดินเข้ามาถึงก่อนคนอื่นๆก็เดินเข้ามาทัก ‘’เป็นไงบ้างกลับมาแล้วหรอ’’ เราก็ยิ้มรับแล้วตอบว่า ‘’สวัสดีค่ะ หนูกลับมาแล้วค่ะ’’ หัวหน้าไม่รอช้ารีบพูดต่อ ‘’รู้เรื่องน้องจอยแล้วใช่ไหม’’ เราก็งง เรื่องอะไรค่ะ แล้วพูดต่อ ‘’เมื่อเช้าหนูเจอกับน้องจอยไม่เห็นน้องเล่าอะไรให้ฟังเลยค่ะ’’ พอเราพูดจบ ทั้งหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ พากันหยุดชะงักหน้าถอดสี
แล้วหัวหน้าก็พูดขึ้นต่อว่า ‘’น้องจอยเสียมา 7 วันแล้ว’’ จากอุบัติเหตุรถคว่ำ และวันนี้ก็เป็นวันเผาศพน้อง คราวนี้คนที่หน้าถอดสีกลับเป็นเรา เรารู้สึกสะตั้นไปชั่วขณะ รู้สึกนิ่งๆ ในหัววิ๊งๆ บอกไม่ถูกแล้ว หน้ามืด รู้สึกแขนขาอ่อนแรง แล้วก็วูบลงไปกองกับพื้น เพื่อนๆรีบวิ่งเข้ามาช่วยกันปฐมพยาบาลกันให้วุ่น ยาดม ยาหอม มาพร้อม
สักพักเราก็ดีขึ้น แล้วค่อยๆเรียกสติกลับมา แต่ก็ยังรู้สึกเย็นวูบ กับเหตุการณ์ที่เราเจอตั้งแต่เช้าว่ามันคืออะไร
เพื่อนที่ทำงานเล่าว่า วันที่น้องจอยเสีย เป็นวันที่บริษัทเลี้ยงมื้อค่ำพนักงาน (บริษัทจะจัดงาน party เลี้ยงอาหารค่ำพนักงานทุกสิ้นเดือน) ปกติถ้ากลับดึกน้องจอยจะขอติดรถเรากลับบ้านด้วยทุกครั้ง เพราะบ้านน้องจอยเป็นทางผ่านของเรา แต่วันนั้นเราลาพักร้อน น้องจอยจึงขับรถของที่บ้านออกมาเอง แต่ขากลับเกิดอุบัติเหตุรถตัดหน้าจึงเสียหลักพลิกคว่ำ จนน้องเสียชีวิต หลังจากน้องเสียได้สามวัน คนในออฟฟิศก็เริ่มเจออะไรแปลกๆ บางคนได้กลิ่นธูป บางคนได้ยินเสียงจากโต๊ะทำงานของน้อง จนหลายๆคนกลัวไม่กล้าอยู่ออฟฟิศคนเดียว
ในช่วงบ่ายๆ เราและทุกคนในออฟฟิศก็พาออกไปงานเผาศพน้องจอย บอกตรงๆ ณ ตอนนั้นเรายังรู้สึกกลัวมากๆ ไม่กล้าอยู่คนเดียว ระหว่างที่เราเอาดอกไม้จันไปวางหน้าศพน้องจอย เราก็ได้บอกกับน้องจอยว่า เวรกรรมต่างๆที่ทำร่วมกันพี่ขออโหสิให้น้องจอยและขอให้น้องจอยอโหสิให้พี่ด้วย ขอให้ไปสู่สุคติเถิด
หลังจากวันนั้น เราก็ฝันถึงน้องจอยทุกคืน ฝันว่าน้องมายืนรอเรา ชี้ไปที่รถเรา เรากลัวมากๆ ไม่รู้ทำไมถึงฝันแบบนั้นทุกคืน
เราไปทำบุญอุทิศส่วนกุกลให้น้องจอย เราจึงได้มีโอกาสเล่าเรื่องความฝันให้หลวงพ่อฟัง ท่านจึงถามว่า เรามีอะไรที่ติดค้างน้องเค้า หรือน้องเค้ายังติดค้างอะไรเราอยู่หรือป่าว เราจึงนึกขึ้นได้ว่า ก่อนที่เราจะลาพักร้อนไปบวช น้องจอยยืมเงินเราไปห้าพันบาท น้องบอกว่าเดี่ยวจะโอนเงินคืนให้เราวันที่ 1 (วันเงินเดือนออก) น้องจอยเป็นคนที่ตรงเวลาและรักษาคำพูดมาก บอกจะคืนวันไหนก็คืนวันนั้น เราเลยให้น้องยืมเงินไป แต่น้องก็มาเสียก่อนวันที่ 1 น้องจึงไม่ได้โอนเงินมาให้เรา เราเองก็มัวแต่ตกใจเรื่องที่น้องเสียจนไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย
คืนนั้นเราไหว้พระสวดมนต์เราก็ตั้งอธิฐานจิตถึงน้องจอยว่า น้องจอยเงินที่ยืมพี่ไป พี่ยกให้น้องจอย ขอให้น้องจอยหลับให้สบาย อย่าได้กังวลหรือห่วงอะไรเลย
แต่คืนนั้นเราก็ยังฝันเห็นน้องจอยมาชี้ที่รถเราอีก แม่เราเลยบอกว่าวันนี้หวยออก (วันที่ 16 ) ให้เราลองไปซื้อล็อตเตอรี่เลขทะเบียนรถของเราดูนะ
พอช่วงบ่ายปรากฏวันเราถูกล็อตเตอรี่เลยท้าย 3 ตัว 2ใบ (แปดพันบาท) จากเลขทะเบียนรถของเรา
เราจึงพูดขึ้นว่า น้องจอยพี่ได้เงินคืนแล้วนะห้าพันบาท ส่วนที่เกินมาสามพันบาทพี่จะไปทำบุญให้ เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ
นับตั้งแต่นั้นมา เราก็ไม่เคยฝันถึงน้องจอยอีกเลย เราหวังว่าน้องจอยจะได้ไปอยู่ภพภูมิที่ดี หากชาติหน้ามีจริงหวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีก