ได้แรงบันดาลใจจากกระทู้ “เจอดีที่จังหวัดเกินร้อย” ก่อนอื่น. จขกท ก็เป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ดหล่ะ ค่อนข้างที่จะชอบฟังเรื่องลึกลับพวกนี้เลยอยากรู้เรื่องของจังหวัดตัวเองบ้าง จึงไปถามแม่ ถามก๋ง ญาติ (บางเรื่องก็อยู่ในสมัย20-30ปีที่แล้ว) จึงได้ใจความมาว่า… 1.เรื่องเล่าของก๋ง ก๋งเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนเมืองร้อยเอ็ดสมัยก๋งอาคารจะสร้างจากไม้เป็นส่วนใหญ่ วันหนึ่งก๋งบอกว่าเกิดไฟไหม้ที่กลางเมืองร้อยเอ็ดในตอนกลางคืน ก๋งเล่าว่าตื่นมาเจอไฟโหมกระหน่ำเมืองจนฟ้าเป็นสีแดงฉานน่ากลัวมาก วันต่อมาพวกชาวเมืองเล่ากันว่าเจ้าพ่อหลักเมืองโกรธที่ชาวเมืองไม่ได้ทำอะไรสักอย่างนี่แหละ>< ก๋งจำไม่ได้ท่านจึงบันดาลให้เกิดไฟไหม้เมืองขึ้น 2.งานงิ้วร้อยเอ็ด อันนี้ก๋งเล่าว่าในการแห่ปึงเถ่ากงม่าจะต้องแห่เจ้าพ่อหลักเมืองออกหน้ามาก่อนเสมอๆทุกๆปี (ทุกคนเคยสังเกตุกันมั้ย) ปีนึง..ก๋งบอกว่าในงานแห่เขาไม่ได้นำเจ้าพ่อหลักเมืองมาแห่นำก่อน(คือเอาเจ้าพ่อหลักเมืองไว้ข้างหลังปึงเถ่ากงม่าไว้ด้านหน้า)งานงิ้วปีนั้นจึงเกิดอาถรรพ์ เช่นอุบัติเหตุต่างๆ 3. ห้องน้ำหญิงกลางบึง…อันนี้ทุกคนคงรู้ดีว่ามีผู้หญิงมายิงตัวตายในห้องน้ำวันดีคืนดีเขาลือกันว่าจะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ดังมาจากห้องน้ำนั้น(ปัจจุบันห้องน้ำได้ปรับปรุงใหม่ละ) 4.เปรตวัดกลาง ก๋งเล่าว่าสมัยก่อนต้นโพธิ์ใหญ่ทีวัดกลางผีดุมาก ชาวเมืองที่เดินผ่านตอนกลางคืน จะเห็นผีเปรตอยู่แถวต้นโพธิ์ในวัดกลาง ส่งเสียงร้องน่าขนลุก บางทีก็ไปนั่งห้อยหัวอยู่ตรงต้นโพธิ์ทำเอาชาวบ้านหลอนจนจับไข้เลยทีเดียว 5.ตำนานหนองสาป ก๋งเล่าว่าสมัยก่อนที่ดินบริเวณนั้น(ตรงร้านตะวันแ..ง) จะเป็นสระน้ำก๋งเล่าว่าไม่ว่าใครจะไปตั้งร้านขายของหือไปทำธุรกิจบริเวณนั้น จะเจ๊งไปทุกราย ชาวเมืองจึงขนานนามสระนั้นว่า หนองสาปจนกระทั่งเขาถมสระและทำเป็นที่ดินอาถรรพ์ก็ยังไม่หายไป.. ร้านแล้วร้านเล่าไปเปิดตรงนั้นก็ขายไม่ดีหรือปิดกิจการไป ขนาดที่ว่ามีร้านผับชื่อดังไปเปิดยังปิดกิจการเลย ก๋งกับป้าบอกว่าบางวันขับรถผ่านบริเวณนั้นตอนกลางคืนบางทีจะเห็นเป็นป่ารกไม่ก็ทุ่งรกร้างทั้งๆที่ตรงนั้นเป็นร้านผับชื่อดัง… 6.วัดสระแก้ว เรื่อนี้คงเป็นที่คุ้ยเคยกันดีในสมัยรุ่นพ่อ แม่ ป้า น้า อา ทุกๆคนลงความเห็นว่าถนนที่ผ่านวัดสระแก้วแถวๆมูลนิธิมีความน่ากลัวและเฮี้ยนเป็นอันดับต้นๆแห่งเมืองเกินร้อย ถนนเส้นนั้นส่วนใหญ่จะเจอดีก็เป็นพวกรถสามล้อ เล่าว่าจะมีลูกค้าขอให้พาไปส่งบริเวณวัดสระแก้ว พอถึงที่หมายลูกค้าก็หายไปโดยไร้ร่องรอย 7.โรงเรียน……วงษา จขกท.จะย่อคำว่าโรงเรียนเป็นร.ร.นะครับ ร.ร.นี้แม่เล่าให้ฟังว่าที่ตรงที่ร.ร.นี้สร้างอยู่แต่ก่อนเป็นป่าช้าของพวกแขกโดยก่อนจะสร้างเป็นร.ร. จึงมีความเฮี้ยนความหลอนเป็นธรรมดา ฯมาถึงทีที่ทางรัฐจะสร้างร.ร.แม่เล่าว่าพี่ของแม่(ป้า) ได้เป็นศิษย์รุ่นแรกและทันการล้างป่าช้าด้วย […]Read More
“ผีกระสือ” ไม่ได้มีแค่ในประเทศไทย…….หากพูดถึงตำนานพื้นบ้านยอดฮิตอย่าง “ผีกระสือ” เชื่อว่าทุกคนในประเทศไทย ใครๆ ก็รู้จัก ไม่ต้องเล่าให้เสียเวลา เพราะหลายคนคงได้ยินเรื่องเล่าตำนานมาสารพัด เป็นหนังและละครมาก็หลายเวอร์ชั่นแต่น้อยคนนักจะรู้ว่า “ผีกระสือ” ที่ว่านี่ไม่ได้มีแค่ในประเทศไทย แต่มีอยู่หลายประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพียงแต่ชื่อเรียกอาจจะต่างกันเท่านั้น เรามาดูกันว่ามีประเทศอะไรบ้าง…….#ประเทศลาว : “กะสือ” (ກະສື)ที่ประเทศลาวเรียก “กระสือ” เหมือนไทย แต่ต่างกันเล็กน้อยตรงที่ “กระสือ” ลาวมีเขี้ยวเอาไว้กัดและดูดเลือด สามารถถอดหัวและอวัยวะภายใน บินหาอาหารตอนกลางคืน และยังกลัวหนามเกี่ยวไส้เหมือนทางไทยด้วย#ประเทศกัมพูชา : “เอิบ” (អាប)คล้ายๆ กระสือลาว มีเขี้ยวเอาไว้กัดและดูดเลือดเช่นกัน สามารถถอดหัวและอวัยวะภายใน บินหาอาหารตอนกลางคืน#ประเทศอินโดนีเซีย : “เล อัค” (Leyak)“เล อัค” เป็นผีประเภทหนึ่งตามเรื่องเล่าพื้นบ้านในเกาะบาหลี มีเขี้ยว ลิ้นยาว สามารถถอดหัวและอวัยวะภายใน ชอบบินหาคนที่เพิ่งคลอดบุตร เพื่อไปกินเลือดและเด็กเกิดใหม่ (อาจเทียบได้กับผีกระสือของประเทศไทย) ซึ่งตามเรื่องเล่าพื้นบ้านนั้น มีผี “เล อัค” เป็นผู้ชาย 1 และผู้หญิง 2 (ผิดกับเรื่องเล่าของไทยที่ผีกระสือจะมีแต่เฉพาะผู้หญิง ส่วนผู้ชายจะเป็นกระหัง)ก่อนที่จะกลายเป็น “เล อัค” นั้น เชื่อกันว่าแต่เดิมผีเหล่านี้เคยเป็นมนุษย์ที่ฝึกไสยศาสตร์ด้านมืด และเริ่มกินเนื้อมนุษย์ ซึ่งจ้าวแห่ง “เล อัค” […]Read More